Page 339 - kpi19903
P. 339

302



               คาดหวังเช่นเดิมว่าจะได้รับประโยชน์จากนักการเมืองที่ตนเองเลือกตามทฤษฎีของดาวนส์ที่ให้ความเห็นเกี่ยวกับ
               พฤติกรรมการเลือกตั้งว่าทางเลือกของผู้ออกเสียงเลือกตั้ง คือการค านวณว่าผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ที่มี

               แนวโน้มจะน าประโยชน์สูงสุดมาให้แก่ตน โดยเล็งเห็นเป้าหมายการจัดตั้งรัฐบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของ

               ตนมากที่สุด (Downs, 1957a) เห็นได้อย่างชัดเจนในเรื่องของนโยบายของรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นนโยบายที่
               จับต้องได้ เกิดเป็นนวัตกรรมใหม่ที่มีการยอมรับอย่างแพร่หลาย ส่งผลให้มีการแข่งขันกันทางนโยบายที่พยายามจะ

               เป็นประชานิยมมากกว่ากันเพื่อหวังคะแนนเสียงจากผู้เลือกตั้ง รัฐจึงต้องบริหารจัดการให้เงินและผลประโยชน์ใน

               รูปแบบต่าง ๆ ไปถึงมือชาวบ้านอย่างจับต้องได้ในรูปแบบของนโยบาย เช่น นโยบาย 30 บาทรักษาทุ   กโรค
                 กองทุน   หมู่บ้าน เป็นต้น ท าให้ได้รับเลือกตั้งกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่สอง (ชาติชาย มุกสง, 2555)

                       หากมองในแง่นี้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชนบทจึงไม่ใช่เป็นเพียงฐานเสียงตามทฤษฎีสองนคราประชาธิปไตย

               แต่รัฐกลับต้องหาทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อเอาใจคนชนบทที่อาศัยอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ ในรูปแบบของนโยบาย เพื่อ
               เพิ่มส่วนแบ่งในคะแนนเสียง อย่างไรก็ตามเหตุผลข้างต้นก็ไม่ได้ท าให้ระบบอุปถัมภ์ตามทฤษฎีสองนครา

               ประชาธิปไตย (เอนก เหล่าธรรมทัศน์, 2549) หมดไป หากเปลี่ยนการอุปถัมภ์แบบดั้งเดิมมาเป็นการมาเป็นการ

               อุปถัมภ์ผ่านนโยบายประชาชนนิยม เช่นการศึกษาที่พบว่าชาวบ้านในหมู่บ้านเสื้อแดงจังหวัดอุดรธานีเลือกพรรค
               เพื่อไทย เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นตัวแทนของประชาชนในภูมิภาคอีสาน ในการรักษาผลประโยชน์และเกื้อหนุน

               ผลประโยชน์ให้กับประชาชนชาในภูมิภาค ในขณะที่ชาวบ้านกลุ่มกปปส สุราษฎร์ธานีก็แสดงความคิดเห็นว่าพรรค

               ประชาธิปัตย์ดูแลชาวใต้ดีกว่าพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะราคาพืชผลทางการเกษตร เช่น ยางพารา หรือ ปาล์มน้ ามัน
               ชาวบ้านอยากเลือกพรรคประชาธิปัตย์มาดูแลผลประโยชน์ในท้องถิ่น และภูมิภาคที่ตนอยู่อาศัยของตน (อานนท์

               ศักดิ์วรวิชญ์ et al., 2559)

                       ส าหรับบัตรเสีย บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน และไม่ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง พฤติกรรมการเลือกตั้งในอดีตก็เป็นตัว
               แปรที่ดีที่สุดในการท านายเช่นกัน การศึกษาพบความสัมพันธ์ค่อนข้างสูงส าหรับพฤติกรรมการเลือกตั้งในอดีตกับ

               ผลการเลือกตั้งปี 2554 นั่นคือ พื้นที่ท าบัตรเสีย บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน และเขตเลือกตั้งที่ไม่ใช้สิทธิ์เลือกตั้งก็

               ยังคงเป็นกลุ่มเดิม นอกจากนี้ยังพบว่าเขตเลือกตั้งที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งปี 2548 และปี 2550 มี
               แนวโน้มที่จะท าบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนนในการเลือกตั้งปี 2554 และเขตเลือกตั้งที่เลือกพรรคพลังประชาชนใน

               การเลือกตั้งปี 2550 แนวโน้มจะไม่ใช้สิทธิ์เลือกตั้งในการเลือกตั้งปี 2554 ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากความเบื่อหน่ายใน

               การเมือง และเกิดความลังเลในตัวนักการเมือง และ/หรือพรรคการเมืองอันเนื่องมาจากระดับความพึงพอใจในการ
               ท างานของระบอบประชาธิปไตย และไม่พึงพอใจต่อการท างานของนักการเมือง (อรรถสิทธิ์ พานแก้ว, 2556a)
   334   335   336   337   338   339   340   341   342   343   344