Page 237 - kpi18358
P. 237

2.2 การตรวจราชการแบบบูรณาการ ต้องช่วยสะท้อนนโยบายกลับมายังผู้ออกนโยบาย



                             เรื่องการสะท้อนนโยบายกลับมายังผู้ออกนโยบายนั้นผู้ตรวจราชการส านักนายกค่อนข้าง
               ท าได้ดี เป็นจุดเด่นของการตรวจราชการแบบบูรณาการของส านักนายกรัฐมนตรี

                             ปัจจุบันสามารถใช้กลไกที่มีอยู่ที่ผู้ตรวจราชการสามารถเสนอเรื่องไปสู่ฝ่ายบริหาร แต่การ

               ลงตรวจราชการ เราไม่ได้ใช้ข้อมูลอย่างคุ้มค่า เพราะฝ่ายบริหารก็ไม่ได้ให้ความส าคัญ ในภาพรวมระบบ

               ใหญ่ เสนอข้อมูลอะไรก็ไม่ได้รับการน าไปใช้ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติก็ไม่ได้ใช้ข้อมูลใน

               การวางแผน ทั้งที่ผลจากการตรวจราชการได้สะท้อนปัญหานโยบายรัฐบาล ท าให้การตรวจราชการไม่เป็น

               ผลคุ้มค่า ฝ่ายการเมืองที่ผ่านมาก็ไม่ได้คาดหวังผลจากการตรวจสอบของผู้ตรวจราชการ หากข้อเสนอแนะ

               ของผู้ตรวจราชการมีความเข้มแข็งบางครั้งฝ่ายการเมืองไม่เอาด้วยก็ไม่จูงใจให้เสนอผลการตรวจที่เข้มแข็ง

                             การบูรณาการท าได้ยาก ตั้งแต่การลงตรวจไม่เคยมีผู้ตรวจราชการกระทรวงอื่นติดตามไป

               กับผู้ตรวจราชการส านักนายก ไปตรวจเพียงชั่วขณะไม่ได้อยู่จนสิ้นสุดกระบวนการ ผู้ตรวจราชการบาง

               กระทรวงมีจ านวนไม่มาก อาจมีภาระมาก บางส่วนอาจไม่ให้ความส าคัญการแก้ปัญหาในเชิงระบบการ

               ตรวจราชการแบบบูรณาการ ผู้เข้าร่วมระดมความคิดเห็นเสนอว่าจะท าอย่างไรให้เกิดการบูรณาการ ท า
               อย่างไรให้ทั้ง 19  กระทรวงลงตรวจพร้อมกันเพียงปีละ 2  ครั้ง แล้วจะช่วยแก้ปัญหาได้เมื่อลงไปทีเดียวทุก

               กระทรวง โดยแต่ละกระทรวงไม่จ าเป็นต้องลงตรวจของกระทรวงใครกระทรวงมันเลยก็ได้

                             บางครั้งการมีผู้ตรวจราชการพิเศษก็ท าให้ผู้ตรวจราชการรู้สึกน้อยใจเช่นกัน


                       2.3 กลไกการตรวจราชการต้องมีบทบาทในการช่วยแก้ไขปัญหาของพื้นที่มากกว่าที่จะให้ค าแนะน า


               เพียงอย่างเดียว


                             ผู้ตรวจราชการไม่จ าเป็นต้องมีอ านาจดังเช่นผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข แต่อาจมี

               บทบาทในการช่วยเชื่อมประสานและบูรณาการแก้ปัญหาในพื้นที่ได้ หากผู้ตรวจราชการสามารถช่วยพื้นที่

               เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ ก็จะท าให้พื้นที่รับตรวจต้องการผู้ตรวจราชการมากขึ้น คือผู้ตรวจสามารถแปร

               ความต้องการหรือปัญหาของพื้นที่ไปสู่การปฏิบัติได้แต่การช่วยเหลือจังหวัดได้ก็ยังเป็นเรื่องความสามารถ

               เฉพาะบุคคล
                             การตรวจแบบติดตามและประเมินผล (Monitoring)ควรมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 20 ส่วน

               การตรวจเพื่อแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามนโยบายควรมีสัดส่วนร้อยละ 80 จะท าให้ผู้ตรวจมีความส าคัญและ

               ทุกคนอยากเข้ามาเป็นผู้ตรวจราชการหากเพิ่มเนื้องานด้านการให้ความช่วยเหลือจะช่วยให้งานมีความหมาย

               ดาบหรืออ านาจของผู้ตรวจราชการอาจเป็นวงเงินฉุกเฉินและจ าเป็นเมื่อพื้นที่มีปัญหา






                                                           194
   232   233   234   235   236   237   238   239   240   241   242