Page 206 - kpi18358
P. 206

วัตถุประสงค์ที่ 2 การศึกษาวิเคราะห์บริบทหรือความท้าทายส าคัญที่มีผลต่อระบบบริหารราชการ

               แผ่นดินและระบบการตรวจราชการ พบว่า ความท้าทายส าคัญมี 5 ประการ ได้แก่ การบริหารเชิงพื้นที่

               เทคโนโลยีสารสนเทศ ธรรมาภิบาล การเชื่อมโยงและบูรณาการ และการบริหารเชิงป้ องกัน ผลวิเคราะห์จาก

               แบบสอบถามพบว่าการตรวจราชการท่ามกลางความท้าทายทั้ง 5 ด้านนี้ในภาพรวม พบว่า ผู้ตอบ


               แบบสอบถามเห็นว่าการตรวจราชการบูรณาการมีความเหมาะสมในระดับปานกลาง โดยด้านที่ได้รับ

               คะแนนประเมินมากที่สุดอยู่ในระดับมาก คือ การตรวจราชการที่มีบทบาทในเชิงป้ องกัน (ค่าเฉลี่ย 6.99, SD

               = 2.04) ตามมาด้วยการตรวจราชการที่มีความสอดคล้องตามหลักธรรมาภิบาล (ค่าเฉลี่ย 6.11, SD = 2.42)

               และการตรวจราชการที่สอดคล้องกับหลักการบริหารเชิงพื้นที่ (ค่าเฉลี่ย 6.10,  SD  =  1.78) ที่มีคะแนน

               ประเมินอยู่ในระดับมากเช่นกัน  ส่วนด้านระบบการตรวจราชการที่เชื่อมโยงและบูรณาการ (ค่าเฉลี่ย 5.90,

               SD = 2.51) และระบบตรวจราชการที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เป็นประโยชน์ (ค่าเฉลี่ย 5.78, SD = 2.08)

               แม้จะมีผลคะแนนน้อยที่สุดแต่ผู้ตอบก็ยังเห็นว่ามีความเหมาะสมอยู่ในระดับปานกลาง

                       เห็นได้ว่าความท้าทายที่มีค่าคะแนนมากที่สุดในระดับมาก คือ การตรวจราชการที่มีบทบาทเชิง

               ป้ องกัน ส่วนความท้าทายที่มีคะแนนน้อยที่สุดอยู่ในระดับปานกลาง  คือ  การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้

               เป็นประโยชน์ ซึ่งสอดคล้องกับข้อค้นพบจากการสัมภาษณ์หลายท่านว่าการตรวจราชการในปัจจุบันไม่เน้น

               การจับผิดแต่เน้นการให้ข้อเสนอแนะซึ่งมีความสอดคล้องกับความท้าทายในเรื่องของการป้ องกันปัญหาที่


               อาจเกิดขึ้นในอนาคต  ขณะเดียวกันปัญหาท้าทายส าคัญคือเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบฐานข้อมูลและ

               การแบ่งปันข้อมูลเพื่อลดความซ ้าซ้อนและท าให้เกิดความรวดเร็วในกระบวนการตรวจราชการ ระดับ

               คะแนนดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าจ าเป็นต้องมีการปรับปรุงให้สอดรับกับความท้าทายแต่ละด้านต่อไปเพื่อ

               ไปสู่เป้ าหมายของการตรวจราชการแบบบูรณาการตามที่คาดหวัง

                       นอกจากนี้ เมื่อแยกวิเคราะห์ความท้าทายตามกลุ่มของผู้แสดงความคิดเห็นเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม

               ผู้ตรวจราชการ ผู้ช่วยผู้ตรวจราชการ และที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชน กลุ่มผู้ตรวจราชการมี

               แนวโน้มประเมินในระดับมากว่าระบบตรวจราชการแบบบูรณาการสามารถรับมือกับความท้าทายทั้ง 5 ด้าน

               ได้ ตามมาด้วยกลุ่มผู้ช่วยผู้ตรวจราชการ และที่ปรึกษาภาคประชาชนที่มีแนวโน้มเห็นว่าระบบตรวจราชการ

               แบบบูรณาการยังไม่สามารถรับมือกับความท้าทายที่มีต่อระบบได้ดีนัก อาจเป็นเพราะกระบวนการตรวจ


               ราชการไม่ได้เปิดกว้างให้กับที่ปรึกษาภาคประชาชนได้เข้ามาสู่กระบวนการตั้งแต่การก าหนดประเด็น

               วางแผน และจัดท ารายงาน มีเพียงขั้นตอนเดียวที่ที่ปรึกษาภาคประชาชนได้เข้าร่วมคือการลงพื้นที่ตรวจ

               เท่านั้น ท าให้ไม่เกิดการรับรู้เกี่ยวกับระบบตรวจราชการมากนักเมื่อเทียบกับกลุ่มผู้ตอบอื่น




                                                           163
   201   202   203   204   205   206   207   208   209   210   211