Page 32 - kpi18343
P. 32
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความปรองดอง
ก ร ณี ศึ ก ษ า ใ น ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ
ก็เท่ากับเป็นการบ่งบอกอยู่ในตัวเองแล้วว่า การกระทำนั้นเป็นสิ่งที่เป็นความผิด
(เพราะถ้าหากการกระทำนั้นโดยกฎหมายไม่ได้กำหนดให้เป็นความผิด ก็คงไม่ต้องมี
การนิรโทษกรรม) 26
กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการนำเรื่องการนิรโทษกรรมมาใช้เพื่อจัดการกับความ
ขัดแย้ง ให้เหตุผลว่า การนิรโทษกรรมเป็นการทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย
และเป็นการทำลายหลักนิติธรรม อีกทั้งยังอาจเป็นการทำให้ผู้กระทำความผิดรู้สึกว่า
27
ต่อให้กระทำความผิดก็ไม่ได้รับโทษอยู่นั่นเอง ซึ่งอาจทำให้เกิดการกระทำความผิด
ซ้ำ หรืออาจมีการกระทำความผิดดังกล่าวโดยบุคคลอื่นเลียนแบบในอนาคตได้แล้ว
หวังรอการนิรโทษกรรม และท้ายที่สุด ก็จะไม่ได้ทำให้สังคมเกิดการเรียนรู้และจดจำ
บทเรียนจากความสูญเสียที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน กฎหมายระหว่างประเทศ และองค์กรระหว่าง
ประเทศ (ที่สำคัญคือ องค์การสหประชาชาติ) ยอมรับการใช้กลไกนิรโทษกรรมเพื่อ
จัดการกับความขัดแย้งได้ในระดับหนึ่ง นั่นหมายความว่า ไม่ใช่ว่าการนิรโทษกรรม
จะสามารถกระทำอย่างไรก็ได้ หากแต่มีข้อจำกัดว่าการนิรโทษกรรมที่เป็นที่ยอมรับ
ได้นั้น จะต้องไม่ใช่การนิรโทษกรรมที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศและไม่ขัดต่อ
นโยบายขององค์การสหประชาชาติ
ทั้งนี้ การนิรโทษกรรมที่จะส่งผลต่อไปนี้ ถือเป็นการนิรโทษกรรมที่ขัดต่อ
28
กฎหมายระหว่างประเทศ และนโยบายขององค์การสหประชาชาติ ได้แก่
(1) การนิรโทษกรรมที่ส่งผลให้บุคคลที่จะต้องถูกดำเนินคดีอันเนื่องมาจาก
ต้องรับผิดชอบต่อคดีอาชญากรสงคราม การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อ
มนุษยชาติ (crime against humanity) หรือ ผู้กระทำละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่าง
ร้ายแรง (gross violations of human rights) ซึ่งรวมถึงการล่วงละเมิดทางเพศใน
26 Tricia D. Olsen, Leigh A. Payne, Andrew G. Reiter., op., cit, p. 36
27 Ibid.
28 Office of United Nations High Commissioner for Human Rights. 2009. Rule of
Law Tools for post-conflict States : Amnesties. Geneva : United Nations, p. 11
สถาบันพระปกเกล้า
2