Page 23 - kpi18343
P. 23

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความปรองดอง
                  ก ร ณี ศึ ก ษ า ใ น ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ


                       จากหลักการดังกล่าว สามารถสรุปได้ว่า กระบวนการสร้างความปรองดอง

                  มีขั้นตอนที่เกี่ยวข้องซึ่งอาจจะแบ่งอย่างกว้างๆ ได้เป็นอย่างน้อย 3 ระยะ เริ่มจาก
                  ระยะแรกสุดของการเดินทางสู่การปรองดองกันคือการหยุดใช้ความรุนแรงทุก
                  รูปแบบเพื่อลดความเกลียดชัง ความเคียดแค้น และความทรงจำที่เจ็บปวด

                  (replacing fear by non-violent coexistence) จากนั้นในระยะที่สองเมื่อความ
                  หวาดกลัวต่อการใช้ความรุนแรงเริ่มเจือจางลง การสร้างความเชื่อมั่นและความ
                  ไว้วางใจ (building confidence and trust) ทั้งในระดับสถาบันและระหว่างบุคคล

                  เป็นสิ่งที่ต้องเร่งสร้างให้เกิดขึ้น เพื่อคืนความเชื่อมั่นต่อกลไกต่างๆ พร้อมไปกับ
                  การฟื้นฟูความสัมพันธ์ของผู้คนและเดินหน้ากระบวนการไปสู่ระยะที่สามคือสร้าง
                  ความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน (developing empathy) ของผู้เกี่ยวข้อง

                  ในลักษณะที่ผู้ได้รับผลกระทบ/ความเสียหาย (เหยื่อ) ยินดีที่จะรับฟังเหตุผลของ
                  ผู้กระทำผิด ในขณะที่ผู้กระทำผิดได้รับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดโกรธแค้นของ
                         10
                  ผู้สูญเสีย
                       อย่างไรก็ตาม กระบวนการต่างๆ ของการปรองดองในแต่ละกรณีอาจไม่ได้

                  ดำเนินการไปตามขั้นตอนดังที่กล่าวมาแบบเป็นเส้นตรงและราบรื่น เพราะแต่ละ
                  สถานการณ์ความขัดแย้งมีความซับซ้อนอ่อนไหวของประเด็นปัญหาและผู้เกี่ยวข้อง
                  ที่ไม่เหมือนกัน  ดังนั้น การกำหนดกลไกและกระบวนการในการสร้างความปรองดอง
                             11
                  โดยเฉพาะถ้าเป็นความขัดแย้งระดับประเทศที่เกี่ยวข้องกับคนในวงกว้างนั้น ย่อมไม่
                  เหมือนกันในแต่ละประเทศ และไม่สามารถนำกระบวนการที่ถูกกำหนดเพื่อสร้าง
                  ความปรองดองในประเทศหนึ่งๆ มาใช้กับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในอีกประเทศหนึ่งได้

                  โดยตรง เนื่องจากการสร้างความปรองดองจะต้องคำนึงถึงสาเหตุของความขัดแย้ง
                  ธรรมชาติของความสัมพันธ์ระหว่างคู่ขัดแย้ง ตลอดจนวัฒนธรรม สภาพสังคม และ
                  ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับคู่ขัดแย้ง นอกจากนี้ ผู้เขียนเห็นว่า

                  การมีส่วนร่วมของคู่กรณีในการกำหนดกระบวนการสร้างความปรองดองเป็นสิ่งสำคัญ
                  ไม่มีกระบวนการปรองดองใดที่จะเกิดขึ้นและดำเนินไปจนประสบความสำเร็จ
                  โดยปราศจากความร่วมมือของคู่กรณีได้ ดังจะเห็นได้จากในหลายๆ ประเทศที่มีการตั้ง

                     10   Luc Huyse. 2003. “The Process of Reconciliation,” in Reconciliation after
                  Conflicts: A Handbook, edited by David Bloomfield, Teresa Barnes, and Luc Huyse,
                  Stockholm: International Institute for Democracy and Electoral Assistance, p.19-20.

                     11   Ibid., p.19.


                  สถาบันพระปกเกล้า
                  1
   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28