Page 22 - kpi18343
P. 22
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความปรองดอง
ก ร ณี ศึ ก ษ า ใ น ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ
ผู้กระทำความผิดมาลงโทษ การตั้งคณะกรรมการค้นหาความจริง ไม่มีประเทศใด
ที่เลือกใช้กระบวนการใดกระบวนการหนึ่งแต่เพียงกระบวนการเดียวเลย (กรณีศึกษา
ต่างประเทศ จะกล่าวต่อไปในบทที่ 3)
นอกจากนี้ การเริ่มต้นในการสร้างกระบวนการปรองดองจะต้องวางหลัก
อยู่บนพื้นฐานที่ว่า คู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่ายมีความเท่าเทียมกัน ถ้าหากสร้าง
กระบวนการปรองดองบนพื้นฐานที่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอภิสิทธิเหนืออีกฝ่ายแล้ว
ทั้งสองฝ่ายก็จะไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ในท้ายที่สุด ที่สำคัญ การสร้างกระบวนการ
ปรองดองนั้น ต้องนำไปสู่การแก้ไขมุมมองที่แตกต่างกันในประเด็นเรื่อง “ความ
ยุติธรรม” ของคู่ขัดแย้ง เพื่อให้คู่ขัดแย้งได้หันหน้าเข้าหากัน หาจุดร่วมกันและ
ร่วมกันนิยามคำว่า “ยุติธรรม” กันเสียใหม่ ซึ่งการสานเสวนานับว่าเป็นกระบวนการ
ที่ดีที่ทำให้คู่ขัดแย้งได้หันหน้าทำความเข้าใจกัน ยิ่งกว่านั้น การปรองดองจะเกิดขึ้น
ก็ต่อเมื่อกระบวนการนั้นสามารถออกแบบให้ความต้องการพื้นฐานของคู่ขัดแย้ง
แต่ละฝ่ายได้รับการตอบสนอง เช่น ชาวอิสราเอลกับปาเลสไตน์จะไม่มีทาง
ปรองดองกัน ถ้าหากไม่มีการยอมรับการดำรงอยู่ของชนชาวปาเลสไตน์ เป็นต้น
ประการที่สอง หลักการซึ่งเป็นเงื่อนไขเกี่ยวกับคู่ขัดแย้งเอง นอกจาก
การออกแบบกระบวนการและกลไกในการสร้างความปรองดองจะเป็นปัจจัยสำคัญ
ที่ทำให้การสร้างความปรองดองประสบความสำเร็จแล้ว เงื่อนไขเกี่ยวกับตัวคู่ขัดแย้ง
เองก็เป็นเงื่อนไขที่สำคัญไม่แพ้การออกแบบกลไกและกระบวนการสร้างความ
ปรองดองเลย นั่นคือ คู่ขัดแย้งจะต้องเข้าใจในรูปแบบของการต้องพึ่งพาอาศัย
ซึ่งกันและกัน และต้องอยู่ร่วมกันในสังคม เพราะการตระหนักถึงความสำคัญในการ
ต้องอยู่ร่วมกันนั้น ช่วยพัฒนาทัศนคติในเรื่องการสร้างความปรองดองของคู่ขัดแย้ง
ตลอดจนทำให้คู่ขัดแย้งมองเห็นทางเลือกในการออกแบบการอยู่ร่วมกันได้ในท้าย
ที่สุด นอกจากนี้ ความปรองดองจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคู่ขัดแย้งสมัครใจที่จะร่วมกัน
หันหน้ามารับรู้การกระทำของตน (ซึ่ง Mohammed Abu-Nimer ใช้คำว่า “self-
critique” อันอาจแปลได้ว่าหมายถึง การ“วิจารณ์ตัวเอง”) และยอมรับว่าตนเอง
ก็มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง และมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบในฐานะที่ตนเองก็เป็น
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ความขัดแย้งนั้นเกิดขึ้นเช่นกัน ดังนั้น การปรองดองจึงไม่ใช่การมุ่งที่
จะล้างแค้น หรือโทษแต่อีกฝ่ายแต่เพียงอย่างเดียว แต่จะต้องเป็นการเผชิญหน้ากับ
แง่มุมที่ไม่ถูกต้องของตนเองด้วย (นั่นคือ การยอมรับว่า ตนเองก็มีส่วนผิดเช่นกัน)
สถาบันพระปกเกล้า
1