Page 362 - kpi17968
P. 362
351
ความเข้มแข็งและยั่งยืนของระบอบประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นเมื่อกฎกติกา
และสถาบันของระบอบการปกครองนี้สามารถหยั่งรากลึกลงไปในสังคมและ
ระบอบประชาธิปไตยมีความมั่นคงจนกลายเป็นเพียงเกมเดียวที่เล่นกันอยู่ในสังคม
(the only game in town) นั่นคือ ประชาธิปไตยพัฒนาไปจนถึงขั้นที่ไม่มีใคร
ในบรรดากลุ่มทางการเมืองที่สำคัญต้องการโค่นล้มระบอบการปกครองนี้
ขณะเดียวกันคนส่วนใหญ่ในสังคมต่างก็เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจะ
ต้องเป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตยเท่านั้น และนอกจากนั้น ผู้มีบทบาท
ทางการเมืองทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ทหาร หรือกลุ่มประชาสังคม
ล้วนแต่เคยชินกับการยุติข้อขัดแย้งตามกฎกติกาที่มีอยู่ (Linz and Stephan,
1996:15-16 ใน เพิ่งอ้าง: 2) แน่นอนทีเดียว ในขั้นนี้ระบอบประชาธิปไตย
ได้กลายเป็นสถาบันที่คนส่วนใหญ่ยอมรับ และกฎเกณฑ์ต่างๆ ของระบอบ
การปกครองดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย
ก็เป็นกติกาทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่ถือปฏิบัติกันโดยปกติธรรมดา
กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ ประชาธิปไตยได้กลายเป็นวิถีชีวิตทางการเมืองของคนใน
สังคมไปแล้ว
ในทำนองเดียวกับบรรดาประเทศประชาธิปไตยใหม่อื่นๆ การพัฒนา
ประชาธิปไตยในประเทศไทยยังคงอยู่ในขั้นของการเปลี่ยนผ่านและยังไม่สามารถ
สร้างระบอบประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและยั่งยืนขึ้นมาได้ ทั้งที่สังคมไทยเริ่มรับเอา
ระบอบประชาธิปไตยมาใช้ในการปกครองประเทศตั้งแต่ พ.ศ. 2475 ถึงแม้ว่าการ
เกิดขึ้นของกระแสการปฏิรูปการเมืองภายหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ.
2535 จะสามารถผลักดันให้มีการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อพัฒนาระบอบประชาธิปไตย
ที่มีคุณภาพและเสถียรภาพอย่างจริงจังอันเป็นผลให้มีการร่างและประกาศใช้
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ก็ตาม แต่ในระยะต่อมาหลักการ
และกลไกของระบอบเสรีประชาธิปไตย (liberal democracy) ที่บรรจุไว้อย่าง
ครบครันในรัฐธรรมนูญฉบับนี้กลับถูกละเมิด ละเลย และบิดเบือนอย่างกว้างขวาง
จนก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างต่อเนื่องระหว่างผู้สนับสนุนและผู้คัดค้าน
การกระทำดังกล่าว ดังนั้น หากสังคมไทยจะสร้างความปรองดองแก้ไขปัญหา
ความขัดแย้งและปฏิรูปประเทศไทยเพื่อพัฒนาระบอบเสรีประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง
และยั่งยืนอย่างแท้จริง ภารกิจหลักของการปฏิรูปครั้งใหม่ย่อมจะหนีไม่พ้นการ
การประชุมกลุมยอยที่ 3