Page 365 - kpi17968
P. 365
354
ผู้ใช้อำนาจรัฐ ทำให้เกิด “ความเคลือบแคลงต่อหลักนิติธรรมในสังคมไทย”
และความรู้สึกว่าไม่ได้รับความชอบธรรมจากกระบวนการยุติธรรม เช่น กรณีที่มี
ผู้ถูกกล่าวหาในคดีเดียวกันของทั้งสองฝ่าย แต่ฝ่ายหนึ่งได้รับการประกันตัว
ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำอยู่เป็นจำนวนมากทำให้ถูกนำไป
ขยายผลและโจมตีว่ามีการเลือกปฏิบัติหรือสองมาตรฐานเกิดขึ้น ก่อให้เกิด
การสร้างการรับรู้ว่ากระบวนการยุติธรรมมีสองมาตรฐาน
ความเคลือบแคลงในหลักนิติธรรมที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือการที่
นักกฎหมายยอมรับประกาศคณะปฏิวัติในฐานะกฎหมาย ทำให้สังคมมีการ
พัฒนาแนวคิดที่ว่ากฎหมายคือคำสั่งของผู้มีอำนาจ เมื่อใครมีอำนาจรัฐจะสั่ง
อย่างไรก็ได้ ทั้งๆ ที่กฎหมายต้องมีเนื้อหาสาระที่เป็นธรรมชาติ ปกป้อง
ผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่และมีกระบวนการออกกฎหมายที่ชอบธรรมมิใช่แค่
คำสั่งของผู้มีอำนาจ อีกทั้งกฎหมายต้องเป็นใหญ่เหนือกฎที่คนๆ เดียวเขียนขึ้น
หรือกฎหมู่ที่คนหรือคณะบุคคลตั้งขึ้น และมิใช่แค่เพียงกฎเกณฑ์ที่ออกโดยผู้มี
อำนาจรัฐเพื่อใช้บังคับ เพราะหากเป็นเช่นนั้นนักกฎหมายก็จะรับไปใช้โดยไม่สนใจ
ว่ากฎหมายที่ออกมามีเนื้อหาชอบธรรมหรือไม่ กฎหมายจึงกลายเป็นเครื่องมือ
ของผู้ที่มีอำนาจ (คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการ
ปรองดองแห่งชาติ (คอป.), 2555: 210-212)
บทบาทการทำหน้าที่ขององค์กรผู้ใช้อำนาจรัฐต่างๆ ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า
มีการแทรกแซง ทำให้กลไกตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐที่ถูกออกแบบมานับตั้งแต่
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 กลับไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
องค์กรอิสระต่างๆ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการแทรกแซงจากทั้งฝ่ายการเมืองและ
ฝ่ายระบบราชการ ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ต่อการปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่
โปร่งใสและไม่เป็นกลาง โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง คณะกรรมการ
การเลือกตั้ง (กกต.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ง
ชาติ (ปปช.) จนกลายเป็นสาเหตุประการหนึ่งที่นำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมือง
หลายฝ่ายมองว่าองค์กรตุลาการ องค์กรอิสระ และองค์กรตามรัฐธรรมนูญ
กลายเป็นเครื่องมือในการจัดการฝ่ายตรงข้าม จนเกิดภาวะ “การตรวจสอบที่ไม่
สร้างสรรค์” ในระบบการเมืองและกระบวนการยุติธรรมของสังคมไทย
การประชุมกลุมยอยที่ 3