Page 173 - kpi17721
P. 173
ผลที่ได้คือ ปริมาณไอโอดีนที่สะสมในผักบุ้ง (ไมโครกรัม: น้ำหนักผักสด 100 กรัม) ในผักสด
อยู่ที่ 267.2-276.1 ไมโครกรัม ในขณะที่ผักนึ่งสุก อยู่ที่ 231.9 – 256.0 ไมโครกรัม ซึ่งในช่วงเวลา
ของการทดลองนั้นได้เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารโครงการผ่านกิจกรรม
ท้องถิ่นใจดี ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรที่เป็นเจ้าของแปลงผักขนาดใหญ่ หลังจากนั้น จึงได้มีการประเมิน
ผลการทดลองโดยการเก็บปัสสาวะจากกลุ่มทดลอง จำนวน 112 ประชากรตัวอย่างในตำบลนาพู่
โดยเลือกจากประชาชนในหมู่บ้านหนองนกเขียนและบ้านกิ่ว ซึ่งพบว่า ระดับไอโอดีนมีความเข้มข้น
มากขึ้น ดังตารางที่ 3
ตารางที่ 3 ผลระดับความเข้มข้นไอโอดีนในปัสสาวะของกลุ่มทดลอง
ในหมู่บ้านหนองนกเขียนและบ้านกิ่ว ต.นาพู่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี
ระดับความเข้มข้นไอโอดีนในปัสสาวะเฉลี่ย (ug/dL)
สภาพของสารไอโอดีน ก่อนกินอาหาร กินผักบุ้ง ผลการตรวจ
ไอโอดีน กินไข่ ไอโอดีน ไอโอดีน
ไม่รุนแรง 5.56 14.77 13.24 66.0 (74 ราย)
Non-Severe –Mild iodine (0.00 - 9.24)
การพัฒนาคุณภาพชีวิตและสวัสดิการสังคม
เหมาะสม 12.84 18.91 19.39 25.00 (28 ราย)
Ideal iodine (10.06-19.90)
เกินพอ 29.76 28.28 14.95 8.93 (10 ราย)
More than adequate
แม้ในระยะแรกจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แต่การดำเนินการในพื้นที่ก็ยังคงเป็นไป
อย่างต่อเนื่องจนถึง พ.ศ.2553 ได้มีการทดลองและวิจัยร่วมกัน พบว่า การเพิ่มสารไอโอดีนในไข่ไก่
และพืชผักสามารถช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม จึงได้
ดำเนินโครงการ “นวัตกรรมต้นแบบการแก้ปัญหาโรคเอ๋อและโรคขาดสารไอโอดีนในพื้นที่อย่าง
ยั่งยืน” ด้วยการเพิ่มสารไอโอดีนในห่วงโซ่อาหารและผลิตภัณฑ์การเกษตร หลังจากนั้นจึงได้มีการนำ
ผลการทดลองที่ได้จากการดำเนินงานในตำบลมาพู่มาถ่ายทอดองค์ความรู้นวัตกรรมการแก้ปัญหาโรค
ขาดสารไอโอดีน ทั้งยังได้มีการสร้างเครือข่ายและความสัมพันธ์กับผู้รับบริการร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วน
เสียต่อปัญหาการขาดสารไอโอดีนในพื้นที่ ตลอดจนการจัดกิจกรรมการสื่อสารประชาสัมพันธ์ผลงาน
ในรูปแบบต่างๆ
1 สถาบันพระปกเกล้า