Page 537 - kpi17073
P. 537

536     การประชุมวิชาการ
                   สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16


                  ขยายตัวของกิจกรรมบริการสาธารณะ รายได้ของ อปท. มาจากสามแหล่งคือ รายได้ที่จัดเก็บเอง
                  ภาษีแบ่งและเงินอุดหนุน ตามข้อมูลปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 อปท. มีงบประมาณรายได้

                  รวมกันมากกว่า 6 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27-28 ของรายได้สุทธิของรัฐบาล นำไป
                  จัดสรรเป็นรายจ่ายทำกิจกรรมและบริการสาธารณะเพื่อความสุขของประชาชน อปท. มีเงินสะสม
                  รวมกันไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาเพื่อเป็นทุนสำรองเผื่อเหตุฉุกเฉิน

                  บริหารจัดการเมื่อมีผันผวนจากวิกฤตเศรษฐกิจหรือภัยธรรมชาติ อปท. จำนวนหนึ่งยังกู้ยืมเงิน
                  จากสถาบันการเงินเพื่อนำมาลงทุนและพัฒนาโครงการ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการลงทุนที่ให้ผล

                  ตอบแทนเชิงพาณิชย์) อีกด้านหนึ่งคือปัญหาเชิงโครงสร้างเนื่องจากความเหลื่อมล้ำและความ
                  ไม่เป็นธรรมทางการคลังท้องถิ่น ซึ่งจำแนกเป็นแนวตั้ง และแนวนอน (ดังจะกล่าวขยายความและ
                  อภิปรายสาเหตุในตอนต่อไป) ความเหลื่อมล้ำการคลังของท้องถิ่นนั้นมีสาเหตุส่วนหนึ่งจากความ

                  เหลื่อมล้ำมิติพื้นที่ (ซึ่งยืนยันได้ด้วยข้อมูลเชิงประจักษ์ คือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด และ GPP
                  per capita ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ) ทำให้ฐานภาษีของ อปท. แต่ละแห่ง

                  แตกต่างกันตามภูมิภาค จังหวัด สภาพเมือง/ชนบท ทำเลที่ตั้งที่ห่างไกลความเจริญ เป็นต้น

                       ขยายความ ความไม่สมดุลทางการคลัง (fiscal imbalance) จำแนกเป็นแนวตั้งและ

                  แนวนอน ตัวอย่างความไม่สมดุลตามแนวตั้ง (vertical fiscal imbalance) เช่น สถานะการคลัง
                  ของ กทม. เปรียบเทียบกับ เทศบาล อบต. – ความแตกต่างนั้นมาจากหลายสาเหตุ ส่วนหนึ่ง

                  เกี่ยวกับความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากการกำเนิดขององค์กรท้องถิ่นไม่พร้อมกัน เช่น
                  กทม. ตั้งมานานเปรียบเสมือน “พี่ใหญ่” ต่อมามีน้องคลานตามมาหลายพันหน่วยงาน คือ อบต.
                  เทศบาลตำบล  ภาระการคลังรัฐบาลย่อมจะเพิ่มขึ้น ภายใต้ข้อจำกัดด้านงบประมาณ เงินอุดหนุน

                  หรือภาษีแบ่งตาม “สูตร” ที่จัดสรรจึงถูกจำกัดตามไปด้วย อาจทำให้ อปท. ที่เกิดใหม่ได้รับ
                  ทรัพยากรน้อยหรือไม่เท่าเทียมกับ “พี่ใหญ่” จึงอาจเกิดความรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมหรือไม่เท่าเทียม

                  ยิ่งกว่านั้นเมื่อวิเคราะห์ความสามารถจัดเก็บรายได้ของแต่ละแห่งก็แตกต่างกัน มโนทัศน์ความ
                  ไม่สมดุลตามแนวนอน (horizontal fiscal imbalance) เป็นการเปรียบเทียบ อปท. ประเภท
                  เดียวกัน เช่น เทศบาล A กับเทศบาล B, C, D หรือ ระหว่าง อบต. E กับ อบต. F, G, H …

                  ถึงแม้ควบคุม “ปัจจัยอื่น” ให้เหมือนกัน เช่น จำนวนประชากร ขนาดพื้นที่เท่ากัน --  แต่
                  “รายได้ต่อหัว” ของแต่ละท้องถิ่นก็อาจแตกต่างกันมาก เนื่องจากฐานภาษี/ค่าธรรมเนียมของ

                  แต่ละพื้นที่ ไม่เท่ากัน เหล่านี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก อย่างไรก็ตามมีหลักความคิดที่ยึดถือกัน
                  ทั่วโลก คือ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลกลางในการกำกับดูแลให้ประชาชนทุกภาคส่วน เมือง/ชนบท
                  ได้รับบริการสาธารณะจากรัฐใกล้เคียงกัน ไม่แตกต่างมากจนเกินไป ซึ่งหมายถึง พื้นที่ยากจน

                  ควรจะได้รับการอุดหนุนจากรัฐมากเป็นพิเศษ ไม่ใช่ปล่อยตามยถากรรม เพราะหากคงสภาพให้
                  “แตกต่างกันมาก” ประชากรจากพื้นที่ยากจนจะไหลเข้ามาพำนักและทำมาหากินในพื้นที่รวย

                  ซึ่งจะก่อเป็นปัญหาเมืองแออัดและความด้อยประสิทธิภาพอีกมากมาย ดังนั้นรัฐบาลในทุกประเทศ
        การประชุมกลุ่มย่อยที่ 6   ในคำแถลงนโยบายรัฐบาลไทยก็เช่นเดียวกันระบุนโยบายกระจายความเจริญ ลดความเหลื่อมล้ำ
                  มีแผนกระจายความเจริญให้ทั่วถึง มาตรการลดความเหลื่อมล้ำ และการสร้างความเสมอภาค


                  หรือทำให้เกิดความเสมอภาค เช่น การประกาศนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพื่อให้
                  ประชาชนไทยทุกคนได้รับบริการสุขภาพขั้นต่ำถ้วนหน้ากัน ทั้งนี้ภาครัฐมีเครื่องมือทางการเงิน
   532   533   534   535   536   537   538   539   540   541   542