Page 408 - kpi17073
P. 408
การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16 407
มาร์กซิสต์ที่มองว่ารัฐจะหดหายไปนั้น ไม่เป็นความจริง ตรงกันข้าม กลับจะยิ่งเติบโตขึ้น ไม่เป็น
พิษเป็นภัยต่อปัจเจกบุคคล แต่จะเป็นผู้ปลดเปลี้องทุกข์และชี้ทางสว่างให้กับปัจเจกบุคคล รัฐช่วย
ส่งเสริมให้ปัจเจกบุคคลมีพลังเข้มแข็งขึ้น ไม่ใช่อ่อนแอลง เสมือนบุคคลที่อยู่ในกรมกองการจัดตั้ง
ของทหาร ย่อมจะเข้มแข็งทวีคูณขึ้นตามจำนวนทหารที่มีอยู่ในกรมกอง รัฐจะต้องจำกัดเสรีภาพ
ที่ไม่เป็นประโยชน์หรือที่เป็นพิษเป็นภัย และรักษาส่วนที่สำคัญไว้
รัฐ ในทัศนะของนักทฤษฎีประชาธิปไตยและมาร์กซิสต์(ในขั้นตอนสังคมนิยม)เป็นเครื่องมือ
รับใช้ประชาชน แต่รัฐในความหมายของลัทธิฟาสซิสต์จะแตกต่างอย่างมากจากลัทธิทั้งสอง กล่าวคือ
ในมุมมองของลัทธิฟาสซิสต์ รัฐเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเป็นสิ่งมีชีวิต ในแง่ที่ว่ามีเป้าหมายเป็นของ
ตนเอง โดยเป้าหมายของรัฐนั้นสูงส่งกว่าเป้าหมายของปัจเจกบุคคลที่มารวมตัวกันเป็นรัฐ
ลัทธิฟาสซิสต์กับลัทธินาซีไม่เหมือนกันในหลายประเด็น แต่มีประเด็นที่เหมือนกันอยู่หลาย
ประการคือ ทั้ง 2 ลัทธิไม่เพียงเป็นผลผลิตของยุคสมัยที่เกิดจากผลกระทบของสงครามที่เป็น
แหล่งบ่มเพาะและเจริญงอกงามของระบอบเผด็จการเบ็ดเสร็จ แต่ยังเป็นผลผลิตของประเทศ
อุตสาหกรรมก้าวหน้าที่สังคมถูกห้อมล้อมด้วยปัญหาที่สลับซับซ้อนอย่างยิ่ง ซึ่งง่ายต่อการที่ผู้นำ
ที่มีอุบายแยบยลเสนอหนทางการแก้ปัญหาที่ฟังดูมีเหตุผลและเสมือนเป็นไปได้จะเป็นที่ยินดี
ต้อนรับของมวลชน ทั้งฮิตเลอร์และมุสโซลินีต่างก็มีความสามารถในด้านดังกล่าวสามารถชักจูง
โน้มน้าวมวลชนให้คล้อยตามและสนับสนุนพรรคของตน ขอเสนอที่ผู้นำทั้งสองเสนอมักจะมีความ
ขัดแย้งกันเอง แต่มักจะถูกกลบเกลื่อนในคำโฆษณาชวนเชื่อที่ซึ่งมวลชนให้ความสนใจเลื่อมใส
ผู้นำทั้งสองจะปลุกเร้าเรื่องศักดิ์ศรีของมวลชนอยู่เสมอว่าความตกต่ำทุกข์ยากของประเทศเกิดจาก
การกระทำอันชั่วร้ายของศัตรูที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามา และไม่ใช่เกิดจากความบกพร่องของมวลชน
เอง และผู้นำทั้งสองจะเสนอหนทางแก้ไขเพื่อสร้างความมั่นคงและฟื้นฟูประเทศชาติให้กลับสู่
สภาพเจริญรุ่งเรืองแก่มวลชนผู้โหยหาสิ่งเหล่านั้น สำหรับชนชั้นแรงงาน ผู้นำทั้งสอง เสนอที่จะ
สร้างระบบสังคมนิยม ต่อชนชั้นกลาง ผู้นำทั้งสองเสนอที่จะปลดเปลื้องภัยคุกคามที่มาจากชนชั้น
แรงงาน สำหรับนักธุรกิจอุตสาหกรรม ผู้นำทั้งสองเสนอที่จะให้การคุ้มครองจากการถูกคุกคาม
ของสหภาพแรงงานและลัทธิคอมมิวนิสต์
โดยธาตุแท้ของลัทธิฟาสซิสต์และลัทธินาซีหรือสังคมชาตินิยมเป็นลัทธิแนวปฏิกิริยา หลักการ
ของลัทธิทั้งสองส่วนใหญ่ถูกกำหนดขึ้นโดยสภาพของการเป็นอริกับกลุ่มคนที่ลัทธิทั้งสองต่อต้าน
เนื่องจากว่าเกือบทุกกลุ่มเป็นศัตรูของลัทธิทั้งสอง ดังนั้น ลัทธิทั้งสองจึงมีลักษณะตรงข้ามและ
ไร้เหตุผล เช่น ลัทธิมาร์กซิสม์เป็นลัทธิว่าด้วยวัตถุนิยม ฟาสซิสม์และนาซีเป็นจิตนิยม ส่วนพวก
เสรีนิยมและเสมอภาคนิยมให้ความสำคัญต่อประชาธิปไตย แต่ฟาสซิสม์และนาซีจะต่อต้าน
หลักการว่าด้วยหน้าที่และโครงสร้างแบบมีลำดับชั้น และแทนที่หลักการปัจเจกชนนิยมด้วย
หลักการว่าด้วยความมีเอกภาพและความเป็นประชาคมเดียวกัน แนวคิดว่าด้วยหลักเหตุผลของ
ลัทธิเสรีนิยมให้พื้นที่กับเรื่องของสัญชาติญาณและอารมณ์ความรู้สึก ฟาสซิสม์และนาซีถือว่า
ระบบรัฐสภาเป็นการเปิดโอกาสให้พลังชั่วร้ายกระทำการก่อกวนสร้างความแตกแยก ในทางกลับกัน
ฟาสซิสม์และนาซีเสนอแนวทางการสร้างเอกภาพและการปกครองแบบเบ็ดเสร็จโดยจอมเผด็จการ การประชุมกลุ่มย่อยที่ 5