Page 407 - kpi17073
P. 407
406 การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16
ไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีการสู้รบแบบสงครามกองโจรหรือใช้ยุทธศาสตร์ป่าล้อมเมือง 7
การสร้างดุลยภาพภายใต้ทฤษฎีมาร์กซิสต์ คือพรรคคอมมิวนิสต์จะต้องผูกขาดการนำ
ควบคุมการนำ พรรคการเมืองอื่น กลุ่มการเมืองอื่น ชมรมหรือสมาคมอื่น ถ้ามี จะดำรงอยู่ได้
ล้วนต้องยอมรับอำนาจและยอมรับการนำของพรรคคอมมิวนิสต์เท่านั้น จะวางตัวเป็นคู่แข่ง
ทางการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์ไม่ได้
ทฤษฎีฟาสซิสต์ ตามที่มุสโซลินีเขียนและตีพิมพ์ใน the Encyclopedia Italiana ค.ศ.
1932 มีเนื้อหาประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่ส่วนที่ว่าด้วยแนวความคิดพื้นฐาน และอีกส่วนหนึ่งว่า
ด้วยหลักการทางการเมืองและทางสังคม ในบทความนี้ มุสโซลินี พยายามพิสูจน์ให้เห็นว่าทฤษฎี
ทางสังคมที่ลัทธิฟาสซิสต์ถือว่าไม่ถูกต้องไม่ควรยอมรับนั้นเป็นสิ่งผิด และเพื่อที่จะอธิบายเนื้อหา
8
ของลัทธิฟาสซิสต์ โดยเฉพาะในส่วนที่ว่าด้วยรัฐ ในเบื้องแรก มุสโซลินีกล่าวว่า ลัทธิฟาสซิสต์เป็น
ขบวนการที่ไม่มีหลักการที่กำหนดขึ้นชัดเจนแน่นอน การกระทำเป็นเรื่องการใช้ดุลพินิจดูความ
เหมาะสม กระนั้นก็ตาม มีศรัทธาบางอย่างที่บุคคลพร้อมจะต่อสู้และยอมตายเพื่อการนั้น และ
เมื่อขบวนการคืบหน้าไป หลักการก็เกิดขึ้น รูปแบบของหลักการถูกปรุงแต่งโดยปฏิกิริยาการ
สนองตอบต่อปัญหาที่กดบีบในเวลานั้น ในตอนนั้น มุสโซลินีถือว่า ลัทธิฟาสซิสต์เป็นทั้งระบอบ
การปกครองและลัทธิแล้ว ลัทธิฟาสซิสต์ปฏิเสธทั้งความเป็นไปได้และความน่าพึงปรารถนาของ
สันติภาพ สงครามเท่านั้นทำให้มนุษย์มีความตื่นตัวและมีพลังสูงสุด มุสโซลินีให้ความนับถือ
สำหรับคนที่มีความกล้าที่จะเผชิญกับสงคราม ลัทธิฟาสซิสต์ปฏิเสธการตีความประวัติศาสตร์ว่า
ถูกกำหนดโดยวัตถุวิสัย ลัทธิฟาสซิสต์เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์และความกล้าหาญแบบวีรบุรุษ
กระทำการโดยไม่เกิดจากแรงจูงใจทางเศรษฐกิจ และสิ่งนี้ไม่มีความสำคัญ
ลัทธิฟาสซิสต์ไม่เพียงปฏิเสธหลักการพื้นฐานของลัทธิมาร์กซิสต์ แต่ยังปฏิเสธหลักการ
พื้นฐานของลัทธิเสรีนิยมและลัทธิประชาธิปไตยด้วย ลัทธิฟาสซิสต์ตำหนิหลักการความเสมอภาค
หลักการปกครองโดยเสียงข้างมาก การปฏิบัติและสถาบันทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับหลักการ
ข้างต้น ตรงกันข้าม ลัทธิฟาสซิสต์ยกย่องเชิดชูและเห็นประโยชน์ของความไม่เสมอเท่าเทียมกัน
ของมนุษย์ อีกทั้งไม่เห็นด้วยที่จะทำให้คนเสมอเท่าเทียมกัน อย่างเช่นการให้สิทธิออกเสียง
เลือกตั้งเป็นการทั่วไป ในมุมมองของลัทธิฟาสซิสต์ บุคคลจะมีความสำคัญก็ต่อเมื่อสัมพันธ์
เชื่อมโยงกับรัฐ บุคคลหรือกลุ่มเป็นเพียงส่วนเสี้ยวองค์ประกอบย่อยของรัฐ รัฐไม่ได้ดำรงอยู่เพื่อ
รับใช้เป้าหมายที่เห็นแก่ตัวของบุคคล หรือแม้แต่คุ้มครองชีวิตของบุคคล รัฐมีไว้เพื่อเป้าหมาย
อะไรบางอย่างที่สูงกว่า
ในทัศนะของมุสโซลินี รัฐเท่านั้นที่สามารถสร้างความปรองดองในสังคม ส่วนลัทธิพหุนิยม
สร้างความแบ่งแยกและนำความอ่อนแอมาสู่สังคม นอกจากนี้ มุสโซลินียังเห็นว่า ทฤษฎี
การประชุมกลุ่มย่อยที่ 5 7 Dan N. Jacobs and Hans H. Baerwald (eds.), Chinese Communism: Selected Documents
(New York: Harper and Row, 1963), pp. 44-45.
M. Judd Harmon, Political Thought: From Plato to the Present (New York: McGraw-Hill Book Co.,
8
1964), pp. 443-445.