Page 164 - kpi17073
P. 164
การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16 163
บทสรุปและเสนอแนะ
การปฏิรูปทางการเมืองการปกครองของไทยในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา เป็นส่วนหนึ่งของ
กระบวนการพัฒนาประชาธิปไตย (Democratization) ซึ่งดำเนินไปตามแนวทางตามลัทธิ
รัฐธรรมนูญนิยม (Constitutionalism) ซึ่งยอมรับว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน โดย
มอบหมายให้ผู้แทนใช้อำนาจรัฐแทน ภายใต้การแบ่งแยกองค์กรผู้ใช้อำนาจและจำกัดขอบเขตแห่ง
อำนาจ อีกทั้งการใช้อำนาจรัฐทั้งหลายต้องอยู่ภายในกรอบของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย รวมถึง
มีการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐในทุกแง่มุม ตามหลักการของนิติรัฐ (The Rule of Law) หรือ
รัฐที่ปกครองด้วยกฎหมาย
วิธีการที่ใช้เพื่อการปฏิรูปการเมืองการปกครองคือใช้กฎหมายสูงสุดคือรัฐธรรมนูญกำหนด
กติกาทางการเมืองการปกครอง ให้มีองค์กรอิสระเป็นกลไกหลักในระบบการตรวจสอบการใช้
อำนาจรัฐ ซึ่งมุ่งเน้นตรวจสอบตั้งแต่ด่านแรกก่อนเข้าสู่อำนาจรัฐคือการตรวจสอบเพื่อความสุจริต
โปร่งใส เป็นธรรมในการเลือกตั้ง และการตรวจสอบเมื่อเข้าสู่ตำแหน่งและมีอำนาจรัฐแล้ว วิธีการ
ปฏิรูปทางการเมือง การปกครองเช่นนี้สอดคล้องกับนานาประเทศที่อยู่ระหว่างกระบวนการพัฒนา
ประชาธิปไตย ซึ่งมีปัญหาคล้ายคลึงกับไทยคือการเข้าสู่อำนาจโดยมิชอบและมีการผูกขาดและมี
การใช้อำนาจรัฐโดยมิชอบ โดยที่องค์กรในโครงสร้างอำนาจรัฐดั้งเดิมไม่อาจแก้ไขปัญหาอุปสรรค
ที่เกิดขึ้นได้ในตัวเอง จึงจำเป็นต้องกำหนดให้มีกลไกหรือองค์กรเสริมเข้าในในโครงสร้างอำนาจรัฐ
ในลักษณะเป็นองค์กรเชี่ยวชาญหรือองค์กรตรวจสอบเฉพาะด้าน ในที่นี้คือองค์กรอิสระ เพื่อ
ป้องกันแก้ไขปัญหาในจุดที่มีผลบั่นทอนต่อเสถียรภาพและประสิทธิภาพองค์กรในระบอบ
ประชาธิปไตย
ในขณะเดียวกันต้องวางระบบเพื่อมิให้องค์กรใหม่ที่จัดตั้งขึ้นนี้ มีปัญหาในการใช้อำนาจ
โดยมิชอบเสียเอง ดังนั้น ระบบการตรวจสอบการใช้อำนาจที่ครอบคลุมไปถึงการใช้อำนาจของ
องค์กรอิสระทั้งหลายด้วย จึงเป็นสิ่งจำเป็นและไม่อาจละเลยได้ การใช้อำนาจเพื่อยับยั้งอำนาจ
และป้องกันการใช้อำนาจโดยมิชอบจึงเป็นแนวทางหลักในกระบวนการปฏิรูปทางการเมืองไทย
ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนจากบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่กำหนดกฎเกณฑ์ กระบวนการตรวจสอบ
การใช้อำนาจขององค์กรอิสระไว้ ซึ่งในทางปฏิบัติมีการเสนอให้ตรวจสอบและมีการลงโทษกรณีที่
ก.ก.ต. และคณะกรรมการ ป.ป.ช.กระทำความผิดเกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่ ดังนำเสนอไว้ใน
หัวข้อที่ 4.
การสถาปนาองค์กรอิสระไว้ในโครงสร้างอำนาจรัฐของไทย เป็นการจัดองค์กรบริหารของรัฐ
ด้วยการสร้างกลไกอันเป็นโครงสร้างพื้นฐาน (infra –structure) ด้วยการกำหนดเป็นกติกาสูงสุด
ทางการเมืองการปกครอง ซึ่งมิได้กระทบถึงหลักการและเนื้อหาสาระในการปกครองระบบรัฐสภา
ของไทยแต่อย่างใด เพราะแนวทางที่ใช้มีเป้าหมายหลักคือการพัฒนาระบบรัฐสภาดั้งเดิมให้เป็น
ระบบรัฐสภาที่มีเหตุมีผล (Rationalize Parliamentary System) กล่าวคือ คงหลักความสัมพันธ์
และความรับผิดชอบของฝ่ายบริหารต่อฝ่ายนิติบัญญัติ รวมถึงคงหลักการถ่วงดุลและตรวจสอบ การประชุมกลุ่มย่อยที่ 1