Page 15 - kpi16607
P. 15
ดุลอำนาจ ในการเมืองการปกครองไทย
เส้นตรงขัดกับความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์หรือไม่? ซึ่งคนไทยหรือนักวิชาการ
ไทยก็ตระหนักเห็นความเป็นจริงนี้อยู่ สังคมไทยเคยคิดว่า “รัฐประหาร
พ.ศ. 2534” เป็นรัฐประหารครั้งสุดท้าย แต่แล้วก็เกิดรัฐประหาร 19 กันยายน
พ.ศ. 2549 และครั้งนี้ก็ยังไม่ใช่ครั้งสุดท้ายเพราะจะเกิดการแกว่งอีก ดังนั้น
การศึกษาวิจัยใด ๆ เพื่อ “ออกแบบประเทศไทย” (redesign) จึงไม่มีประโยชน์
อันใด เพราะทำไปก็เกิดรัฐประหารอีก คำถามคือ “ออกแบบประเทศไทย” ไปทำไม?
ถ้าการเมืองไทยจะแกว่งต่อไป ดังนั้นจึงขอเสนอว่าควรจะนำลักษณะเหล่านี้
มาพิจารณาและให้มองสถาบันการเมืองเป็นกระบวนการ (processes) ที่ไม่ใช่
เดินหน้าอย่างเดียว (unilinear) แต่อาจจะถดถอยหรือถอยหลังก็ได้
ในบทความชิ้นนี้ ผู้เขียนขออภิปราย “ข้อสังเกต คำถามและคำแนะนำ”
ข้างต้นเพื่อนำไปสู่การต่อยอดการศึกษาวิจัยปัญหาเรื่อง “ดุลอำนาจทางการเมือง
ของไทย” ในวงการสังคมศาสตร์ไทยในโอกาสต่อไป โดยจะอภิปราย “ข้อสังเกต
คำถามและคำแนะนำ” ดังกล่าวนั่นคือ “วิวัฒนาการความก้าวหน้าที่เป็น
เส้นตรง (unilinear) ลักษณะเฉพาะตัว (uniqueness) ของการแกว่งไปมา
(oscillation)” ภายใต้ทฤษฎีการปกครองแบบผสม (the theory of the
mixed)
ประเด็นแรกที่ผู้เขียนพบคือ ประเด็นคำอธิบายในกรอบของ “ลักษณะ
เฉพาะตัว” (uniqueness) กับ ประเด็นคำอธิบายในกรอบของวิวัฒนาการ
การเปลี่ยนแปลงที่เป็นสากลของทุกสังคมการเมืองที่มีแบบแผนที่ต้องดำเนินไปใน
เส้นทางและทิศทางเดียวกัน (unilinear) อันทำให้เกิดการคาดการณ์การ
เปลี่ยนแปลงได้ ประเด็นทั้งสองนี้ถือเป็นประเด็นและปัญหาสำคัญอย่างยิ่งในการ
ศึกษาวิจัยเชิงเปรียบเทียบที่เกิดขึ้นไม่เฉพาะกับงานวิจัยนี้ แต่กับงานวิจัยเชิง
เปรียบเทียบทั้งหมดในสาขาสังคมศาสตร์เลยทีเดียว ซึ่งประเด็น “unilinear” นี้
จัดอยู่ในองค์ความรู้ที่เรียกว่า “ปรัชญาประวัติศาสตร์” คำอธิบายในแบบ
“unilinear” เป็นความเชื่อที่เห็นว่าประวัติศาสตร์มนุษยชาติมีพัฒนาการหรือ
วิวัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงในลักษณะของความก้าวหน้า (progress) ไม่ว่าจะเป็น
ในทางสังคมวัฒนธรรม การเมืองการปกครองและเศรษฐกิจ โดยในที่สุดทุกสังคม
จะมีแบบแผนในทางสังคมเศรษฐกิจการเมืองในลักษณะเดียวกันหรือร่วมกันต่อ
สถาบันพระปกเกล้า