Page 62 - kpi10440
P. 62
คู่ มื อ ส ม า ชิ ก ส ภ า ท้ อ ง ถิ่ น
บริษัท บุตรบรรลุนิติภาวะ แม้มาตรา 1563 ปพพ. กำหนดให้บุตรต้องอุปการะเลี้ยงดูบิดา
มารดา แต่ย่อมต้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงในแต่ละกรณีว่า ฐานะของบิดามารดา และบุตร
เป็นเช่นใด รวมทั้งบุตรอยู่ในสภาพพร้อมที่จะให้การอุปการะได้ และบิดามารดาจำเป็น
ต้องได้รับการอุปการะจากบุตรหรือไม่ สท. ประกอบอาชีพค้าขาย เป็นโสด ไม่ได้อาศัยอยู่
บ้านเดียวกับบุตร และข้อเท็จจริงบุตรไม่ได้อุปการะบิดา เพราะ สท.อาจตายก่อนก่อน
บุตร หรือบุตรอาจทำพินัยกรรมให้ผู้อื่นก็ได้ แม้ สท. จะมีฐานะเป็นทายาทโดยธรรมของ
บุตร มีสิทธิได้รับมรดกของบุตร แต่สิทธิจะเกิดต่อเมื่อบุตรตายก่อน สท. จึงเป็นเรื่องไม่
แน่นอน ไม่ปรากฏ สท.ได้เข้าไปเกี่ยวข้องหรือมีผลประโยชน์ใด ๆ กับบริษัท จึงไม่อาจถือ
ได้ว่า สท. ได้รับประโยชน์ในสัญญาที่บริษัททำกับ ทต.ประกอบกับ สท. ไม่ได้ดำรง
ตำแหน่งนายกเทศมนตรีหรือเทศมนตรี ซึ่งเป็นผู้ควบคุมและมีหน้าที่รับผิดชอบการ
บริหารงาน ทต. ที่จะมีอำนาจในการสั่งจ้างและทำสัญญา และมูลเหตุที่ผู้ฟ้องคดีร้องเรียน
ก็เนื่องจากเห็นป้ายแสดงรายละเอียดโครงการมีชื่อบริษัทเป็นคู่สัญญาเท่านั้น โดยไม่มี
หลักฐานอื่นที่แสดงว่า สท. เข้าไปเกี่ยวข้องในสัญญาฯกรณีพฤติการณ์จึงถือไม่ได้ว่า สท.
เป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาที่ ทต. เป็นคู่สัญญากับบริษัท
อันจะเป็นเหตุทำให้สมาชิกภาพของ สท. สิ้นสุดลง ดังนั้น คำสั่งของ ผวจ. ที่วินิจฉัยว่า
สท. ไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียฯ จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อสังเกต การวินิจฉัยพิจารณาจาก 4 ส่วนคือ
(1) ด้านคู่สัญญา พิจารณาความมีส่วนได้เสียกับผู้ถือหุ้น และ
บริษัท
(2) ด้านผู้ดำรงตำแหน่ง ไม่ได้รับประโยชน์ในสัญญาที่บริษัททำ
กับเทศบาลตำบล
(3) ด้านเทศบาลตำบล คือ ไม่ได้เป็นผู้บริหารเทศบาลตำบล
(4) ด้านผู้ร้องเรียน คือ ไม่มีหลักฐานอื่นใดที่สนับสนุนข้อร้อง
เรียน
สถาบันพระปกเกล้า