Page 111 - kpiebook66025
P. 111
111
เพราะไม่ใช่เป็นเรื่องแปลกที่สมาชิกพรรคการเมืองจะมีความคิดเห็นแตกต่างกัน จึงท�าให้
เกิดการรวมตัวของสมาชิกพรรคการเมืองต่างพรรคกันเกิดขึ้น และสมาชิกพรรคการเมือง
เดียวกันก็ไม่ได้รู้สึกว่าถูกหักหลัง ดังนั้น การรวมกลุ่มของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
จึงมีส่วนส�าคัญที่ท�าให้เกิดการร่วมมือร่วมคิด โดยไม่ได้มองเฉพาะความสัมพันธ์ของ
คนในพรรคการเมืองของตนเท่านั้น
หลักการส�าคัญที่สภาผู้แทนราษฎรอินโดนีเซียใช้ในการตัดสินใจหรือการลงมติ
ในเรื่องต่าง ๆ เรียกว่า “การพิจารณา” สู่ “ฉันทามติ” (musyawarah untuk mencapai
mufakat) เป็นหลักการส�าคัญส�าหรับการควบคุมผู้มีอ�านาจและหลีกเลี่ยงผลที่จะเกิด
ต่อสาธารณะ โดยมีขั้นตอนส�าคัญที่จะน�าไปสู่ข้อสรุป คือแต่ละกลุ่มการเมืองในรัฐสภา
จะน�าเสนอมุมมองหรือผลการอภิปรายที่เกิดขึ้นภายในกลุ่มต่อการประชุมร่วมกับ
คณะกรรมาธิการ เนื่องจากในกระบวนการร่างกฎหมายและกิจกรรมอื่น ๆ ของ
สภาผู้แทนราษฎรมักจะมีความล่าช้า ไม่สามารถหาข้อยุติหรือฉันทามติอย่างเอกฉันท์ได้
ถ้ามีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ความคิดเห็นจากสมาชิกพรรคการเมืองขนาดเล็ก
มักจะถูกยับยั้งข้อเสนอไว้ก่อน บางครั้งร่างกฎหมายถูกดองไว้จนใกล้ปิดสมัยประชุมรัฐบาล
หรือใกล้หมดวาระของรัฐบาลก็จะเร่งให้มีการพิจารณาร่างกฎหมาย ซึ่งมีนักเคลื่อนไหว
ภาคประชาสังคมให้ความเห็นว่ากฎหมายที่ออกมาอาจจะมีคุณภาพไม่ดีมากนัก
จะเห็นได้ว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในฐานะคณะกรรมาธิการและในฐานะ
ของกลุ่มทางการเมืองในรัฐสภามีอิทธิพลมากยิ่งขึ้นในรัฐสภาอินโดนีเซีย และยังมี
ความสามารถในการชะลอนโยบายที่เอื้อผลประโยชน์ให้แก่บางกลุ่มองค์กร กรณีตัวอย่าง
ที่ส�าคัญ คือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเคยยับยั้งนโยบายของฝ่ายบริหารที่กระทบ
ต่องบประมาณแผ่นดินผ่านการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและ
คณะกรรมาธิการ หรือกรณีการเกิดโคลนถล่มที่ชวาตะวันออก มีการจัดตั้งกลุ่มพิเศษ
เพื่อเข้าไปช่วยเหลือ โดยได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มภาคประชาสังคม จึงท�าให้เรื่อง
ดังกล่าวเป็นที่รับรู้อย่างวงกว้าง จะเห็นได้ชัดว่า กลุ่มการเมืองในรัฐสภาค่อนข้าง
มีบทบาทส�าคัญในการเคลื่อนไหวและขับเคลื่อนกิจกรรมในสังคม
72
72 Stephen Sherlook, “People’s forum or chamber of cronies? : The Parliament in
Indonesia’s decade ofdemocracy,” pp. 170 - 172.