Page 110 - kpiebook66025
P. 110

110     การรวมกลุ่มในรัฐสภาเพื่อกิจกรรมทางการเมืองของรัฐสภาอินโดนิเซีย



                   ลักษณะพิเศษอีกอย่างหนึ่งในกระบวนการร่างกฎหมายของอินโดนีเซีย คือ

            การให้กลุ่มการเมืองมีบทบาทค่อนข้างสูงในการตัดสินใจ สามารถเสนอแนะความคิดเห็น
            ต่อการจัดท�าร่างกฎหมาย โดยไม่จ�าเป็นต้องเป็นการประชุมใหญ่เต็มคณะ (plenary
            sessions) เนื่องจากการประชุมใหญ่ของรัฐสภามีขึ้นเพื่อพิจารณาการจัดท�าร่างกฎหมาย

            ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ การประชุมใหญ่จะให้ความส�าคัญกับประเด็นที่รัฐบาลถูกกดดัน

            จากสังคม เช่น ราคาน�้ามันที่สูงขึ้น การส่งออกสินค้าสู่ต่างประเทศ สถานการณ์ฉุกเฉิน
            หรือภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ ดังนั้น คณะกรรมาธิการจึงค่อนข้างมีบทบาทส�าคัญ
            ในการขับเคลื่อนการท�างานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งบทบาทในการเสนอร่างกฎหมาย

            การหารือถึงประเด็นทางกฎหมายที่รัฐบาลเสนอ โดยสมาชิกในคณะกรรมาธิการส่วนหนึ่ง

            มาจากสมาชิกของกลุ่มการเมืองในรัฐสภาจึงท�าให้กลุ่มการเมืองในรัฐสภาค่อนข้าง
            มีบทบาทและมีอ�านาจในการเสนอความคิดเห็นและร่วมอภิปราย หรือแม้กระทั่งประเด็น
            ที่ได้รับความสนใจจากสังคม จะถูกน�ามาถกเถียงและน�าไปสู่การสร้างนโยบายเสนอต่อ

            รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป 71


                   การตัดสินใจของคณะกรรมาธิการค่อนข้างมีความส�าคัญต่อการด�าเนินงาน
            ภายในรัฐสภา ซึ่งคณะกรรมาธิการเป็นการรวมตัวกันของสมาชิกรัฐสภา บุคคลจาก

            หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส�าหรับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นตัวแทนจากพรรคการเมือง
            ที่ชนะการเลือกตั้งเข้ามามีบทบาทในรัฐสภา ซึ่งบางครั้งนโยบายหรืออุดมการณ์ทาง

            การเมืองของพรรคต้นสังกัดอาจไม่ได้ถูกใจ หรือขัดแย้งกับอุดมการณ์ส่วนตัวของสมาชิก
            อีกทั้งความสนใจต่อประเด็นต่าง ๆ ในสังคมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรย่อมแตกต่างกัน

            ออกไปจึงจ�าเป็นต้องมีการรวมกลุ่มทางการเมืองในรัฐสภาเกิดขึ้นเพื่อเป็นการขับเคลื่อน
            นโยบายที่มาจากอุดมการณ์เดียวกัน ซึ่งตามข้อก�าหนดของรัฐสภามีการบัญญัติไว้ชัดเจนว่า

            สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะมีกลุ่มสังกัดอย่างน้อย 1 กลุ่ม หรืออาจมากกว่า 1 กลุ่ม
            ขึ้นอยู่กับความสนใจ ดังนั้น แม้ว่าจะอยู่ต่างพรรคแต่หากมีประเด็นที่สนใจคล้ายกัน

            ก็จะมีการร่วมมือกันซึ่งขึ้นอยู่กับความสนใจต่อประเด็นต่าง ๆ เช่น ร่างกฎหมาย
            แต่ละฉบับ นโยบาย หรือนิยามต่าง ๆ จึงกล่าวได้ว่าความสนใจต่อประเด็นสาธารณะ

            ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถูกให้ความส�าคัญมากกว่าความภักดีต่อพรรค


            71  Stephen Sherlook, “People’s forum or chamber of cronies? : The Parliament in
            Indonesia’s decade ofdemocracy.”
   105   106   107   108   109   110   111   112   113   114   115