Page 39 - kpiebook66022
P. 39
การประเมินผลการดำาเนินงานของรัฐสภา
โดยใช้เกณฑ์และตัวชี้วัดของ Inter-Parliamentary Union (IPU)
R
5
4
3 2.25 R การเป็นตัวแทนของประชาชน
I O
2 O การตรวจสอบฝ่ายบริหาร
2.59 2.57
1 L การทำาหน้าที่นิติบัญญัติ
0 T ความโปร่งใสและการเข้าถึงได้
A ความสำานึกรับผิดชอบ
2.60 2.63 I การมีส่วนร่วมในนโยบายระหว่างประเทศ
A L ค่าเฉลี่ย
2.67
T
ภาพ 4 ผลการประเมินการดำาเนินงานของรัฐสภาไทย ชุดที่ 25 ประจำาปี 2563
ผลการศึกษาครั้งนั้นพบว่า การดำาเนินงานของรัฐสภาไทย ชุดที่ 25 (พ.ศ. 2563) อยู่ใน
ระดับปานกลางในทุกด้าน โดยเมื่อพิจารณาเป็นรายองค์ประกอบ พบว่า ด้านความโปร่งใสและ
การเข้าถึงได้ มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด (ค่าเฉลี่ย = 2.67 คะแนน และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 1.12) รองลงมา
คือ ด้านการทำาหน้าที่ด้านนิติบัญญัติ (ค่าเฉลี่ย = 2.63 คะแนน และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.97)
ด้านความสำานึกรับผิดชอบ (ค่าเฉลี่ย = 2.60 คะแนน และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 1.02) ด้านการ
มีส่วนร่วมในนโยบายระหว่างประเทศ (ค่าเฉลี่ย = 2.59 คะแนน และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.99)
ด้านการตรวจสอบฝ่ายบริหาร (ค่าเฉลี่ย = 2.57 คะแนน และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 1.03) และ
่
ด้านการเป็นตัวแทนของประชาชน มีค่าเฉลี่ยตำาที่สุด (ค่าเฉลี่ย = 2.25 คะแนน และส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐาน = 1.63)
โดยหลังจากทำาการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด คณะผู้วิจัยมีข้อเสนอดังนี้
1) ข้อเสนอแนะด้านการเป็นตัวแทนประชาชน
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
ควรจัดระบบการได้มาซึ่งสมาชิกให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ
กลุ่มผู้พิการหรือตัวแทนกลุ่มอาชีพหรือกลุ่มชาติพันธ์ หรือกลุ่มคนชายขอบ ในสัดส่วนที่ชัดเจนและ
เหมาะสม (อาจมาจากการแต่งตั้งได้)
ควรกำาหนดสัดส่วนของการกำาหนดเพศ ความหลากหลายทางกลุ่มอาชีพ
ให้ชัดเจน โดยควรเพิ่มในการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ (Party list) เพื่อให้เกิดความหลากหลาย
ควรกำาหนดพรรคการเมืองส่งผู้สมัตรสตรีอย่างน้อย ร้อยละ 15
่
ควรกำาหนดวุฒิการศึกษาขั้นตำาของสมาชิก โดยอาจกำาหนดวุฒิปริญญาตรี
เป็นอย่างน้อย หรืออาจจะมีการเพิ่มเติมถึงความสามารถด้วย เช่น นักปราชญ์ชาวบ้าน ที่จบ ป.6
แต่มีความสามารถมากพอที่จะเป็นตัวแทนประชาชนได้
ควรกำาหนดกระบวนการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาที่ประชาชนมีส่วนร่วม
ในการเลือกด้วย เนื่องจากกระบวนการในปัจจุบันประชาชนไม่มีส่วนร่วมในการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา
25