Page 125 - kpiebook66001
P. 125
การประชุมวิชาการ 11
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 24
ความท้าทายของความมั่นคงใหม่กับประชาธิปไตย
เนื่องจากคนมลายูทำงานราชการมากขึ้น ปัญหาเรื่องการสื่อสารระหว่างหน่วยงานราชการกับ
ชาวบ้านลดลง ทำให้บรรยากาศในภาพรวมของผู้คนกลุ่มหนึ่งก็พบว่าเงื่อนไขที่จะให้ใช้
ความรุนแรงลดลง หากแต่อยากมุ่งเน้นเห็นการพัฒนาพื้นที่มากกว่า
ขณะเดียวกัน ด้วยกระแสทางการเมืองแบบประชาธิปไตยที่ปรากฏขึ้นในพื้นที่ส่วนกลาง
ของไทย ก็ส่งผลไม่น้อยต่อการเคลื่อนไหวประเด็นทางสังคมในพื้นที่ชายแดนใต้ ด้วยกับกระแส
การเมืองของคนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับการตั้งคำถามต่อชุดความคิดและค่านิยมของสังคมในแบบ
เดิมหลายประเด็น กระแสสังคมเหล่านี้ก็ถูกนำมาพูดถึงในพื้นที่ชายแดนใต้โดยเฉพาะในกลุ่ม
คนรุ่นใหม่ด้วยเช่นเดียวกัน และเห็นถึงการมองความเกี่ยวข้องของการพัฒนาพื้นที่ที่เชื่อมร้อย
กับบรรยากาศของการมีสังคมที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
ปัจจัยเชิงโครงสร้าง
สำหรับปัจจัยเชิงโครงสร้างในมิติด้านการเมืองการปกครอง รวมถึงระบบกฎหมาย
ที่เชื่อมต่อการทำให้เงื่อนไขของความขัดแย้งและความรุนแรงในพื้นที่ยังคงอยู่ หากจะนำไปสู่
การแปรเปลี่ยนความขัดแย้งก็จำเป็นที่จะต้องมีรัฐบาล รัฐธรรมนูญ ระบบการเมืองเน้นแนวทาง
การกระจายอำนาจหรือการเปิดพื้นที่ที่ทำให้สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับเจตจำนงทาง
การเมืองของผู้คนในพื้นที่ได้อย่างเสรี รวมถึงการมีกฎหมายที่จะส่งผลต่อการสร้างบรรยากาศ
ที่ทำให้เงื่อนไขของความขัดแย้งลดลงได้จริง ไม่ว่าจะเป็นนโยบายระดับชาติที่เกี่ยวข้อง หรือ
การสนับสนุนการพูดคุยให้เป็นไปตามขั้นตอนอย่างต่อเนื่องอย่างแท้จริง ตลอดจนการมีกลไก
เชิงกฎหมายที่มาสนับสนุนจะเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยทำให้ความขัดแย้งในพื้นที่
ชายแดนใต้สามารถขยับไปสู่ขั้นตอนของการแปรเปลี่ยนความขัดแย้งได้
งานวิจัยของ สุทธิชัย งามชื่นสุวรรณ และคณะ (2563) เรื่อง การกลับคืนสู่สังคม
ของกองกำลังติดอาวุธในจังหวัดชายแดนใต้ผ่านการศึกษาเปรียบเทียบกับกลไกของอาเจะห์และ
มินดาเนา ได้อธิบายว่ากระบวนการยุติธรรมทางเลือกจำเป็นต้องเกิดขึ้น เพื่อสามารถชดเชย
และเยียวยาความเสียหายตลอดจนสลายความคับข้องใจของผู้ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งยังสามารถ
เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดในการเดินหน้าการพูดคุยสันติภาพ และฟื้นฟูความชอบธรรม
ของรัฐในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ต่อไป ซึ่งในกระบวนการนี้จำเป็นต้องรองรับการวางอาวุธ
การปลดประจำการและการกลับคืนสู่สังคมของผู้มีความเห็นต่างที่ติดอาวุธ โดยมีข้อเสนอแนะ
จากงานวิจัยว่าในกระบวนการกลับคืนสู่สังคมสำหรับกรณีชายแดนใต้นี้ ควรมีกระบวนการ
ที่เริ่มจากกระบวนการเจรจาสันติภาพที่มีความจริงใจ พร้อมทั้งการมีเจตจำนงทางการเมือง
ที่แน่ชัดของทั้งฝ่ายไทยและกลุ่มผู้เห็นต่าง รวมถึงการมีบทบาทขององค์กรที่ไม่ใช่รัฐทั้งในและ
ต่างประเทศที่เข้ามาช่วยหนุนเสริม ทั้งในช่วงก่อน ระหว่าง และหลังการเจรจายังจำเป็นต้องมี
การสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างทั้งสองฝ่ายผ่านนโยบายที่ชัดเจนและการรับประกันถึง การประชุมกลุ่มย่อยที่ 3
ความปลอดภัย รวมถึงให้ทุกฝ่ายในสังคมที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วม และเมื่อเข้าสู่
กระบวนการกลับคืนสู่สังคมแล้ว จำเป็นที่จะต้องเป็นกระบวนการที่โปร่งใส ไม่ถูกใช้เป็น