Page 130 - kpiebook66001
P. 130

การประชุมวิชาการ
         122 สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 24
           ความท้าทายของความมั่นคงใหม่กับประชาธิปไตย

               ผู้หลักผู้ใหญ่ตลอดจนคนในกองทัพมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำการผิดกฎหมาย ส่งผลให้

               ตำรวจน้ำดีไม่สามารถอยู่ในประเทศนี้ได้ เป็นต้น พวกเขาจึงคิดว่ายิ่งสู้สังคมของชาวมลายู
               ปาตานียิ่งแย่ลง ปัญหายาเสพติดยิ่งสูงขึ้น ตลอดจนปัญหาสังคมอื่นๆ ก็เพิ่มขึ้นด้วย สวนทาง
               กับเป้าหมายเดิมก่อนเข้าร่วมขบวนการต่อสู้ที่มีเป้าหมายว่าอยากเห็นคุณภาพชีวิตของ
               ชาวมลายูดีขึ้นกว่าเดิม พวกเขาจึงคิดว่าควรหาทางอื่นในการต่อสู้เพื่อให้สังคมชายแดนใต้ดีขึ้น

               กว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้

                     งานวิจัยชิ้นนี้เป็นการศึกษาการแปรเปลี่ยนจากการใช้ความรุนแรงสู่การใช้แนวทาง
               ทางการเมืองของกลุ่มนักรบของขบวนการต่อสู้เพื่อเอกราชปาตานีในพื้นที่ชายแดนใต้
               โดยเฉพาะนักรบที่สังกัดกลุ่มบีอาร์เอ็น ไม่ได้ศึกษาการแปรเปลี่ยนของขบวนการต่อสู้

               เพราะแนวทางทางการเมืองโดยเฉพาะการพูดคุยเพื่อสันติภาพหรือการเจรจาต่อรองเป็นหนึ่ง
               ในยุทธศาสตร์การต่อสู้เดิมของขบวนการอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับบริบทว่าจะเลือกใช้แนวทางใด ทั้งนี้
               อดีตนักรบที่มีการแปรเปลี่ยนแนวทางส่วนใหญ่ก็จะมีอายุอานามมากแล้ว และเข้าร่วม
               ขบวนการต่อสู้ก่อนปี 2547 ซึ่งหมายรวมว่าพวกเขาต่อสู้มาแล้วมากกว่ายี่สิบปี ส่วนนักรบ

               ที่ยังคงปฏิบัติการอยู่ในปัจจุบันเป็นกลุ่มนักรบที่เข้าร่วมหลังปี 2547 ดังนั้นแล้ว การจะรอให้
               พวกเขาแปรเปลี่ยนคงไม่ต้องรอจนกว่าพวกเขาจะมีอายุที่มากขึ้น เพราะหากรอจนถึงตอนนั้น
               ก็อาจจะมีความสูญเสียมากมายไม่รู้จบหรือหากพวกเขาแปรเปลี่ยนแนวทางไปแล้วก็อาจมี
               นักรบรุ่นใหม่เข้ามาแทนที่อีกก็เป็นได้ ซึ่งก็ต้องทำการศึกษาวิจัยกันต่อไปถึงวิธีการแปรเปลี่ยน

               แนวทางการต่อสู้ของนักรบที่ยังน้อย แต่ทว่าหนึ่งในวิธีการที่สามารถเกิดขึ้นได้นั้นก็คือ
               กระบวนการพูดคุยสันติภาพ เพราะหากทั้งสองฝ่ายสามารถมีข้อตกลงกันได้แล้วก็ไม่มีเหตุผล
               ที่นักรบจะยังคงปฏิบัติการอีกต่อไป เว้นเสียแต่ว่ารัฐไทยจะทำข้อตกลงกับขบวนการต่อสู้เพียง
               กลุ่มเดียว แต่กลุ่มอื่นๆ ที่ยังมีนักรบไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงดังกล่าว หรือไม่อาจเกิดนักรบ

               กลุ่มใหม่ๆ ที่มองว่ายังคงมีความอยุติธรรมในพื้นที่หรือรากเหง้าของปัญหายังไม่ถูกแก้ไข

                     ขณะเดียวกันกระบวนสันติภาพในพื้นที่ชายแดนใต้เองกำลังถูกตั้งคำถามว่าเป็นการสร้าง
               สันติภาพที่เสรีหรือเป็นการสร้างสันติภาพที่ไร้เสรี เพราะที่ผ่านมานอกจากที่ฝ่ายความมั่นคง
               จะเน้นหนักไปที่การใช้กำลังปราบปรามและการบังคับใช้กฎหมายแล้ว ยังมีการควบคุมและ

               สถาปนาอำนาจนำผ่านการต่อสู้ทางวาทกรรมหรือการครอบงำทางความคิดผ่านปฏิบัติการ
               ทางวาทกรรม การช่วงชิงพื้นที่ตลอดจนช่วงชิวมวลชน การควบคุมพื้นที่ทั้งในทางการเมือง
               ทางกายภาพ และในทางสัญลักษณ์ และการผูกขาดการจัดการกับทรัพยากรทางเศรษฐกิจ

               ที่ตอบสนองต่อเป้าหมายทางการเมืองของรัฐ หรือการที่หน่วยงานของทหารมีอำนาจหน้าที่
        การประชุมกลุ่มย่อยที่ 3   หน่วยงานของพลเรือน เป็นต้น ทั้งที่รัฐควรยึดกรอบบรรทัดฐานในการเปิดพื้นที่ทางการเมือง
               ตลอดจนมีงบประมาณมากกว่าหน่วยงานของพลเรือนหรือการที่หทหารเข้าไปมีอำนาจใน


               ตลอดจนการมุ่งเน้นในการสร้างการประนีประนอมระหว่างฝ่ายที่ขัดแย้ง ส่วนการเจรจา
               สันติภาพควรหวังผลถึงการได้ข้อตกลงทางการเมือง ตลอดจนแนวทางการแบ่งสรรอำนาจ
   125   126   127   128   129   130   131   132   133   134   135