Page 121 - kpiebook66001
P. 121

การประชุมวิชาการ   11
                                                                                   สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 24
                                                                                    ความท้าทายของความมั่นคงใหม่กับประชาธิปไตย

                       ปัจจัยประการต่อมาที่ส่งผลต่อการใช้ความรุนแรงของกลุ่มขบวนการ คือ ความรู้สึก
                  ถูกเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือจากนโยบายที่ปิดกั้นพื้นที่ของ

                  ความหลากหลายทางอัตลักษณ์ ความรู้สึกเช่นนี้เกิดขึ้นหลังจากผู้ปฏิบัติการที่ตัดสินใจเข้าร่วมกับ
                  กลุ่มขบวนการมองว่าประชาชนในพื้นที่หรือกระทั่งครอบครัว คนใกล้ชิดหรือตนเองได้รับ
                  ประสบการณ์จากการถูกเลือกปฏิบัติหรือการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมของเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำให้สร้าง

                  เงื่อนไขของการทำให้การใช้อาวุธยังคงเป็นแนวทางที่จำเป็นจะต้องใช้ต่อไป ประวัติศาสตร์
                  บาดแผลในอดีตและเหตุการณ์บาดแผลหลังปี 2547 เป็นต้นมา ตลอดจนเหตุการณ์การปิดล้อม
                  ที่เกิดบ่อยครั้งขึ้นในช่วงเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก็ทำให้เงื่อนไขของ
                  การใช้กำลังตอบโต้ยังคงปรากฏในการเคลื่อนไหวของกลุ่มติดอาวุธที่เคลื่อนไหวในพื้นที่

                  ชายแดนใต้/ปาตานี งานของสน นิลศรี (2557) เรื่องปัจจัยและการก่อตัวของเชื้อไฟแห่ง
                  ความรุนแรงสามจังหวัดชายแดนภาคใต้: บทสำรวจจากเอกสาร ก็ได้มองในประเด็นเดียวกันนี้
                  ว่า “ความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นจากกระบวนการยุติธรรมที่เป็นอยู่ ปัญหาทางเศรษฐกิจ/
                  ทรัพยากรที่พวกเขาต้องประสบ การศึกษาที่ไม่สามารถเอื้ออำนวยให้เขามีพลังเอาชนะ

                  การท้าทายทางสังคมในรูปแบบต่างๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม”

                       ด้วยบาดแผลจากประวัติศาสตร์ การถูกเลือกปฏิบัติและความรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
                  นี้เอง ที่เป็นปัจจัยผลักอีกประการสำคัญที่ทำให้บุคคลหนึ่งเลือกที่จะสนับสนุนกลุ่มขบวนการ
                  ติดอาวุธและมองว่าเป็นความชอบธรรมที่จะใช้ในการต่อสู้เช่นนี้ การเสียชีวิตภายหลังจาก

                  การเข้าร่วมการต่อสู้หรือกระทั่งหลังจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ของรัฐจะถูกมองว่าเป็นการเสียชีวิต
                  แบบ “ชาฮีด” หรือการเสียชีวิตในหนทางศาสนา ฮารา ชินทาโร่ (2019) ได้เขียนถึงเรื่องนี้
                  ในบทความเรื่อง The Interpretation of Shahid in Patani ว่าการเสียชีวิตในหนทางศาสนานั้น
                  ไม่ว่าจะเป็นกรณีการสู้รบกับรัฐไทยแล้วเสียชีวิตหรือแม้แต่ประชาชนธรรมดาที่ไม่ได้มีส่วนใน

                  การต่อสู้ร่วมกับกลุ่มขบวนขบวนการก็ตาม เมื่อถูกสังหารโดยฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐก็ถูกนับว่า
                  เป็นการตายชาฮีดได้เช่นกัน กลุ่มขบวนการได้นำวาทกรรม “ญิฮาด” เป็นเหตุผลในการก่อ
                  ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเพื่อสร้างความชอบธรรมและเป็น
                  การดึงดูดผู้คนให้เข้ามาร่วมกับกลุ่มขบวนการ ขณะเดียวกันได้หยิบยกวาทกรรมการตายแบบ

                  ชาฮีดเพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่นักรบของตนเอง ในบางชุมชนที่มีกลุ่มขบวนการมีอิทธิพลมากๆ
                  เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่มีคนถูกสังหารโดยเจ้าหน้าที่รัฐ คนนั้นก็จะมีการทำพิธีกรรมฝังศพแบบ
                  ผู้ที่ตายชาฮีด คือไม่มีการอาบน้ำศพ ขณะเดียวกันในชุมชนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายรัฐ
                  อย่างแน่นหนาเมื่อมีการตายในลักษณะเดียวกัน ชาวบ้านลังเลที่จะทำพิธีกรรมฝังศพแบบ

                  ผู้ที่ตายชาฮีด

                       ความต้องการได้รับเอกราช ยังคงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการทำให้กลุ่มที่ใช้
                  อาวุธมองว่าจะสามารถเป็นเครื่องมือต่อรองในการเรียกร้อง และเป้าหมายของการเคลื่อนไหว        การประชุมกลุ่มย่อยที่ 3
                  และการต่อสู้ก็เพื่อต้องการการปกครองตนเองหรือการเป็นเอกราชจากรัฐไทย ผู้ปฏิบัติการ

                  ส่วนใหญ่มักจะมีเป้าหมายของการต่อสู้เพื่อเอกราชและเชื่อว่าหลังจากได้รับเอกราชหรือ
   116   117   118   119   120   121   122   123   124   125   126