Page 117 - kpiebook66001
P. 117

การประชุมวิชาการ   10
                                                                                   สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 24
                                                                                    ความท้าทายของความมั่นคงใหม่กับประชาธิปไตย

                  ความขัดแย้งโดยมากซึ่งเป็นความขัดแย้งที่เกิดภายใน รัฐ หลายๆ ความขัดแย้งยุติลงด้วย

                  วิธีการเจรจาบนโต๊ะมากกว่าการใช้กองกำลังทางทหารเพื่อยุติความรุนแรง ขณะเดียวกัน
                  ก็เริ่มเห็นถึงแนวโน้มของการเปลี่ยนวิธีการของผู้ถืออาวุธจากการใช้กระสุน (Bullet) มาสู่
                  การลงคะแนนเสียง (Ballots) ผ่านการส่งผู้แทนลงสมัครในทางการเมือง เข้าสู่กระบวนการ
                  เลือกตั้งเพื่อส่งคนเข้าสภาและต่อสู้ในสภาเพื่อเป็นตัวแทนประชาชนในการเรียกร้องสิทธิมากขึ้น

                  ในแง่นี้ก็อาจสอดคล้องกับความคิดที่ว่าหากสนับสนุนให้มีกระบวนการแบบประชาธิปไตยที่เสรี
                  และมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายและเป็นที่ยอมรับได้ในสังคมก็มีแนวโน้มที่จะป้องกันและแปรเปลี่ยน
                  ความขัดแย้งได้ในระดับหนึ่ง (Bächler, 2004)

                       หากมองจากการทบทวนเอกสารพบว่าการทำความเข้าใจกลุ่มผู้เห็นต่างในกระบวนการ

                  สันติภาพเป็นเรื่องที่จำเป็นเพื่อให้นำไปสู่การแปรเปลี่ยนความขัดแย้ง และงานที่ผ่านมา
                  ส่วนมากแล้วยังพบว่าเป็นงานที่อธิบายความขัดแย้งในภาพรวมและเสนอแนะแนวทางใน
                  การแก้ไขปัญหาในรูปแบบที่ต่างกันไป มีงานบางส่วนที่ทำความเข้าใจในเรื่องของความเป็นตัวตน
                  ของกลุ่มผู้เห็นต่างที่ใช้อาวุธและเน้นไปที่เหตุผลของการเข้าสู่ความขัดแย้ง ซึ่งแน่นอนว่า

                  เป็นเรื่องที่จำเป็นจะต้องเข้าใจ และด้วยองค์ความรู้ที่มีการศึกษาก่อนหน้าไปแล้ว จึงนำมาสู่
                  การเติมเต็มข้อมูลในมิติของการศึกษากลุ่มคนที่เห็นต่างจากรัฐที่เคยใช้ความรุนแรงและหันมาสู่
                  การใช้แนวทางทางการเมืองรูปแบบต่างๆ ที่ไม่ใช้ความรุนแรงเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมาย
                  ที่ต้องการขับเคลื่อนพัฒนาสังคมต่อไป


                  2.  สรุปเรื่องราวชีวิตในช่วงต่างๆ ของอดีตกองกำลังแนวร่วมปฏิวัติ
                       แห่งชาติมลายูปาตานี หรือ BRN

                       ครอบครัวของอดีตกองกำลังแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานีค่อนข้างหลากหลาย

                  กล่าวคือ บางคนเกิดในครอบครัวของขบวนต่อสู้เพื่อเอกราชปาตานี บางคนมีพ่อเป็นแกนนำ
                  ระดับสูงของขบวนการต่อสู้ ได้เห็นและซึมซับการต่อสู้เพื่อปลดแอดตั้งแต่ยังเด็กๆ บางคน
                  มีเชื้อสายราชวงศ์ปาตานีเก่า บางคนเป็นลูกของผู้นำศาสนาที่มีตำแหน่งในระดับจังหวัด

                  ในขณะที่บางคนเป็นลูกของชาวบ้านปกติเหมือนผู้คนส่วนใหญ่ในพื้นที่ ทั้งนี้ เกือบทุกครอบครัว
                  สนับสนุนให้พวกเขาเอาดีด้านการเรียนหนังสือ บางครอบครัวถึงกับห้ามเข้าร่วมการต่อสู้
                  แม้กระทั่งยอมโกหกลูกว่าการต่อสู้กับรัฐไทยเป็นบาป เพื่อให้ลูกๆ ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกับการใช้
                  ความรุนแรงและให้เอาดีด้านการศึกษา


                       ช่วงชีวิตในวัยเด็กของอดีตนักรบโดยเฉพาะด้านการศึกษา บางส่วนเรียนตาดีกาพร้อมกับ
                  เรียนโรงเรียนประถมของรัฐในวันปกติ เมื่อเรียนจบระดับประถมแล้วก็ไปเรียนต่อที่โรงเรียน
                  ปอเนาะหรือโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา ขณะที่บางคนเรียนโรงเรียนของรัฐตั้งแต่อนุบาลจนต่อ
                  โรงเรียนประถมของรัฐ และเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยในเมืองหลวง และบางส่วนก็เรียนต่อ          การประชุมกลุ่มย่อยที่ 3
                  สายอาชีวะ โดยคนที่เรียนศาสนาบอกว่าได้รับรู้เรื่องราวโดยเฉพาะประวัติศาสตร์ปาตานีจาก

                  อุสตาซหรือครูสอนศาสนา ส่วนคนที่เรียนโรงเรียนรัฐมาโดยตลอดได้รับชุดข้อมูลจากเพื่อและ
   112   113   114   115   116   117   118   119   120   121   122