Page 200 - kpiebook65071
P. 200

199


              และการบัญญัติถึงข้อจำากัดการใช้สิทธิที่จะถูกลืม ซึ่งสามารถกล่าวสรุปได้ว่า

              มาตรา 33 ประกอบมาตรา 37 (3) ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูล
              ส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 นั้นมีบทบัญญัติที่สอดคล้องกับกฎหมายของต่างประเทศ
              และครอบคลุมรายละเอียดต่าง ๆ ที่จำาเป็นต่อการคุ้มครองสิทธิที่จะถูกลืม


                       มีข้อสังเกตในส่วนของถ้อยคำาในตัวบทกฎหมายได้แก่ “เมื่อข้อมูล
              ส่วนบุคคลหมดความจำาเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์” และ “การลบ

              หรือทำาลาย หรือทำาให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคล”
              ถ้อยคำาดังกล่าวเป็นถ้อยคำาที่มีความยืดหยุ่นและจำาเป็นที่จะต้องอาศัย

              การตีความและการพัฒนารายละเอียดต่อไป การที่พระราชบัญญัติคุ้มครอง
              ข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ไม่ได้บัญญัติโดยถ้อยคำาที่ยืดหยุ่นและ
              ถ้อยคำาที่ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไปนั้น ไม่ได้เป็นกรณีที่กฎหมายไทย

              มีลักษณะที่ไม่ครอบคลุมแต่ประการใด เนื่องจากเป็นทางที่สอดคล้องกับ
              กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของต่างประเทศซึ่งสามารถถูกพัฒนา

              รายละเอียดและแนวปฏิบัติได้ต่อไป

                       ในส่วนของข้อจำากัดการคุ้มครองสิทธิที่จะถูกลืมนั้น การบัญญัติ
              ข้อยกเว้นตามข้อ 33 วรรคสองของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

              พ.ศ. 2562 นั้นเป็นไปโดยสอดคล้องกับแนวทางของกฎหมายคุ้มครองข้อมูล
              ส่วนบุคคลของต่างประเทศ ทั้งกฎหมายไทยและต่างประเทศต่างต้องเผชิญกับ
              ปัญหาการต้องสร้างความสมดุลระหว่างสิทธิในความเป็นส่วนตัวกับเสรีภาพ

              ในการเข้าถึงข้อมูลและการแสดงออกหรือการสร้างสมดุลระหว่างความเป็น
              ส่วนตัวและสิทธิในการได้รับการฟื้นฟูกับประโยชน์สาธารณะ ซึ่งกฎหมายเปิด

              ช่องให้หน่วยงานของรัฐ เช่น ศาล ทำาหน้าที่พิจารณาข้อเท็จจริงเป็นรายกรณี
   195   196   197   198   199   200   201   202   203   204   205