Page 205 - kpiebook65071
P. 205
204 บทบัญญัติทางกฎหมายว่าด้วยสิทธิที่จะถูกลืม (Right to be Forgotten)
และแนวทางแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
5.1 บทสรุป
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรา 33 ประกอบ
มาตรา 37 (3) ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 นั้น
มีคุณสมบัติที่จะเรียกได้ว่า “สิทธิที่จะถูกลืม” ตามฐานทางทฤษฎีและมาตรฐาน
ของกฎหมายในระดับสากล อย่างไรก็ตาม มิได้บัญญัติโดยใช้ถ้อยคำาว่า
“สิทธิที่จะถูกลืม” เอาไว้ในตัวกฎหมาย โดยบัญญัติเพียงตัวอย่างของการใช้
สิทธิที่จะถูกลืมเอาไว้ กล่าวคือ การลบ ทำาลาย หรือทำาให้ข้อมูลส่วนบุคคล
กลายเป็นข้อมูลที่ไม่อาจระบุตัวตนได้ การบัญญัติกฎหมายในลักษณะ
ดังกล่าวแตกต่างไปจากถ้อยคำาที่ปรากฏในมาตรา 17 ของ GDPR ที่มีคำาว่า
“Right to be Forgotten” ควบคู่ไปกับ “Right to Erasure”
5.1.1 การลบท�าลายและท�าให้ข้อมูลกลายเป็นข้อมูลที่ระบุตัวตน
ไม่ได้
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา สามารถอาศัย
สิทธิตามมาตรา 33 ดังกล่าวในการเรียกร้องให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
ซึ่งหมายรวมถึงทั้งผู้ทำาการเก็บรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคล
(เช่น สำานักพิมพ์) และผู้ให้บริการสืบค้นข้อมูลออนไลน์ (เช่น Google)
ทำาการ “ลบ” “ทำาลาย” หรือ “ทำาให้ข้อมูลส่วนบุคคลกลายเป็นข้อมูล
ที่ไม่อาจระบุตัวตนได้” อันเป็นสาระสำาคัญของสิทธิที่จะถูกลืม จะเห็นได้ว่า
สิทธิตามมาตรา 33 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
พ.ศ. 2562 นั้นรวมไปถึงสิทธิในการทำาให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นกลายเป็นข้อมูล
ที่ไม่อาจถูกระบุตัวตนได้โดยอาจไม่ได้เป็นการลบหรือทำาลายข้อมูลส่วนบุคคล
อันเป็นการดำาเนินการคุ้มครองสิทธิที่จะถูกลืม โดยเป็นฐานทางกฎหมาย
ให้มีการกำาหนดหน้าที่หรือสั่งให้สำานักพิมพ์ทำาให้ข้อมูลส่วนบุคคลกลายเป็น
ข้อมูลที่ไม่อาจระบุตัวตนได้