Page 210 - kpiebook65071
P. 210
209
การแก้ไขกฎหมายโดยเพิ่มเติมคำาว่า “สิทธิที่จะถูกลืม” ในมาตรา 33
และมาตรา 37 (3) ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
จะช่วยให้เกิดความชัดเจนว่าหากผู้ให้บริการสืบค้นข้อมูลได้ดำาเนินการ
นำาข้อมูลส่วนบุคคลออกจากการแสดงข้อมูลแล้วก็ย่อมถือได้ว่าปฏิบัติหน้าที่
ตามกฎหมายแล้ว โดยไม่ต้องดำาเนินการเพื่อลบหรือทำาลายข้อมูล
ในทำานองเดียวกับมาตรา 17 วรรคสองของ GDPR มาตรา 33
วรรคสาม ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลบัญญัติให้ผู้ควบคุม
ข้อมูลส่วนบุคคลต้องเป็นผู้รับผิดชอบดำาเนินการทั้งในทางเทคโนโลยีและ
ค่าใช้จ่ายเพื่อให้เป็นไปตามคำาขอนั้น โดยแจ้งผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ
เพื่อให้ได้รับคำาตอบในการดำาเนินการให้เป็นไปตามคำาขอ ซึ่งมีผลเสมือน
เป็นการได้รับคำาร้องจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงเพื่อให้กระบวนการ
ยื่นคำาร้องต่อผู้ควบคุมข้อมูลทั้งหมดมีผล ด้วยการยื่นคำาร้องเพียงฉบับเดียว
หน้าที่ในการแจ้งไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวย่อมมีส่วนช่วย
คุ้มครองสิทธิที่จะถูกลืมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต่อไป 298
5.2.2 การออกประกาศหลักเกณฑ์ในการลบหรือท�าลาย หรือ
ท�าให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคล
คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอาจประกาศกำาหนด
หลักเกณฑ์ในการลบหรือทำาลาย หรือทำาให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูล
ที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามวรรคหนึ่งก็ได้
ตามมาตรา 33 วรรคท้ายของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
พ.ศ. 2562 การออกกฎหมายลำาดับรอง (หรือแนวปฏิบัติ) ดังกล่าวอาจ
ดำาเนินการโดยอาศัยแนวปฏิบัติของต่างประเทศตามที่ได้กล่าวในบทที่ 4
มาเป็นฐานในการดำาเนินการ โดยครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
298 อรรถกร สุขปุณพันธ์ (อ้างแล้ว เชิงอรรถที่ 35), หน้า 16.