Page 198 - kpiebook65071
P. 198
197
เมื่อเปรียบเทียบคดี Melvin v. Reid และคดี NT1 & NT2
v Google LLC แล้วจะเห็นได้ว่าการพิจารณาความสมดุลระหว่าง
ความเป็นส่วนตัวและประโยชน์อันเกิดจากการที่สาธารณะยังคงสามารถเข้าถึง
ข้อมูลส่วนบุคคลได้นั้น เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาเป็นรายกรณี (เช่นเดียวกับ
กรณีการชั่งนำ้าหนักระหว่างสิทธิในความเป็นส่วนตัวกับเสรีภาพในการเข้าถึง
ข้อมูลและการแสดงออกตามที่กล่าวในหัวข้อ 4.4.1) คดี Hurbain v. Belgium
ได้ให้นำ้าหนักกับความเป็นส่วนตัวและสิทธิในการได้รับการฟื้นฟูและความเป็น
ส่วนตัวของบุคคลมากกว่าเสรีภาพในการแสดงออกของสำานักพิมพ์ ในขณะที่
ในคดี NT1 & NT2 v Google LLC นั้น ข้อมูลเกี่ยวกับการรับโทษของเจ้าของ
ข้อมูลส่วนบุคคลยังคงจำาเป็นต่อสาธารณชน เนื่องจากการรับโทษในอดีตนั้น
ยังมีความเกี่ยวพันกับชีวิตในการทำางานของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ในปัจจุบัน
บทสรุป
การประเมินความครอบคลุมของการคุ้มครองสิทธิที่จะถูกลืมนั้น
สามารถเริ่มประเมินได้จากการพิจารณากฎหมายคุ้มครอง “ใคร” จากการศึกษา
และวิเคราะห์กฎหมายในเชิงเปรียบเทียบจะเห็นได้ว่ามาตรา 33 ของ
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 นั้น มีศักยภาพที่จะ
คุ้มครองบุคคลที่ข้อมูลส่วนบุคคลของตนถูกประมวลผลโดยรับรองผ่าน
การระบุตัวผู้ทรงสิทธิโดยถ้อยคำา ได้แก่ “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Data
Subject)” ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับกฎหมายของสหภาพยุโรป
สหราชอาณาจักร เขตปกครองพิเศษไต้หวัน และเขตปกครองพิเศษฮ่องกง
การบัญญัติถึงตัวผู้ทรงสิทธิตามกฎหมายไทยแตกต่างจากการบัญญัติถึง
ตัวผู้ทรงสิทธิของประเทศออสเตรเลีย ประเทศสิงคโปร์ และประเทศญี่ปุ่นนั้น

