Page 50 - kpiebook65030
P. 50
49
สภาไม่ได้ พวกเขาจึงใช้อีกช่องทางหนึ่งคือ การใช้ความเป็นกฎหมายสูงสุดของ
รัฐธรรมนูญที่ว่าด้วยความเสมอภาคและการเลือกปฏิบัติทางเพศ ว่าประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1448 นั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม
ศาลรัฐธรรมนูญก็วินิจฉัยว่า มาตราดังกล่าวไม่ขัดรัฐธรรมนูญ อันนี้เป็นกรณี
ศึกษาหนึ่งที่บอกได้ถึงความศักดิ์สิทธิของรัฐธรรมนูญ แต่อาจจะเป็นกรณีศึกษา
ทึี่ล้มเหลวในการแก้ไขกฎหมาย
ทีนี้มาดูกรณีศึกษาที่ประสบความสำาเร็จในการแก้ไขกฎหมายบ้าง
มีประเด็นขึ้นสู่ศาลรัฐธรรมนูญที่ว่า ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 301
ซึ่งใจความสำาคัญคือการห้ามมีการทำาแท้ง หรือการทำาแท้งเป็นความผิดทางอาญา
เว้นสองกรณีคือ การปล่อยให้ตั้งครรภ์ต่อไปจะเป็นอันตรายต่อมารดา และ
มารดาตั้งครรภ์เพราะเหตุแห่งการกระทำาความผิดทางอาญา เช่น พวกข้อหา
ข่มขืนต่าง ๆ จึงจะสามารถทำาแท้งได้ตามกฎหมายไทย ปรากฏว่าก็มีฝ่ายที่
เห็นว่าการทำาแท้งควรทำาได้อย่างเสรี เพราะมีหลายกรณีที่ฝ่ายหญิงไม่พร้อมต่อ
การตั้งครรภ์ แต่ไม่สามารถทำาได้ตามกฎหมายไทย คนที่มีทรัพย์สินก็จะเดินทาง
ไปประเทศที่กฎหมายอนุญาตให้ทำาได้ ซึ่งจะเกิดปัญหาความไม่เท่าเทียมกัน
ตามมา ฝ่ายที่ว่านั้นก็เลยเสนอกฎหมายเข้าสภา แต่สภาไม่ผ่านกฎหมายนี้ให้
ท้ายที่สุด ฝ่ายที่ว่านั้นก็ได้ใช้ความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญ ร้องศาลว่า
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 301 นั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ ในส่วนของสิทธิ
ในชีวิตร่างกาย ด้วยเหตุผลที่ว่ากฎหมายมาตรานี้คุ้มครองทารกซึ่งยังไม่คลอด
ยังไม่มีสภาพบุคคล แต่ไม่ได้คุ้มครองมารดา ทั้งที่เป็นร่างกายของพวกเธอ
ศาลรัฐธรรมนูญจึงตัดสินว่ากฎหมายมาตรานี้ขัดรัฐธรรมนูญ ให้รัฐสภาแก้ไข
และสภาก็แก้ไขเสร็จเมื่อตอนต้นปี 2564 สาระสำาคัญคือ สามารถให้ยุติ
การตั้งครรภ์ได้ภายในระยะเวลา 12 สัปดาห์ ซึ่งได้สัดส่วนระหว่างการคุ้มครอง
ทารกในครรภ์กับการคุ้มครองชีวิตร่างกายมารดา