Page 289 - kpiebook65021
P. 289

โครงการการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางด้านสิทธิและการมีส่วนร่วมแก่ประชาชน:  กรณีศึกษาการพัฒนานโยบายจากภาคประชาชน จังหวัดจันทบุรี





                 9.3 ข้อเสนอแนะกำรส่งเสริมสิทธิและกำรมีส่วนร่วมของประชำชนในนโยบำยสำธำรณะ

                        ข้อเสนอแนะจากการวิจัยครั้งนี้เพื่อส่งเสริมต่อสิทธิและการมีส่วนร่วมของประชาชน ในเชิงนโยบาย
                 ของประเทศได้ก าหนดให้ประชาชนเป็นภาพส่วนที่ส าคัญในการพัฒนานนโยบายสาธารณะอยู่แล้ว ดังปรากฎ

                 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 หากแต่กลไกในทางปฏิบัตินั้น คณะผู้วิจัยขอเสนอให้
                 หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องด าเนินการในสองประการที่ส าคัญ


                        ประการแรก ภาครัฐควรส่งเสริมองค์กรภาควิชาการหรือองค์กรภาคประชาสังคม ให้มีบทบาทในการ
                 ร่วมผลักดันกระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะในรูปแบบล่างขึ้นบนมากขึ้น เพราะการพัฒนานโยบาย

                 สาธารณะแบบบนลงล่างที่รัฐใช้การประชาคมในระดับต าบล ส่งต่อไประดับอ าเภอ สู่ระดับจังหวัด แล้วผ่าน
                 กลไกคณะกรรมการบริหารจังหวัดแบบบูรณาการนั้นมีระเบียบรองรับที่ชัดเจนอยู่แล้ว การพัฒนานโยบาย

                 สาธารณะแบบล่างขึ้นบนอาจท าดังเช่นประเทศบราซิล ที่มีสภานโยบาย (Policy councils) เพื่อเป็นพื้นที่
                 ปรึกษาหารือทางนโยบายและยังเป็นพื้นที่ให้การศึกษาแก่ประชาชน เป็นพื้นที่เปิดให้มีการสนทนาระหว่าง

                 ประชาชน รัฐบาล และสังคมภายใต้เงื่อนไขที่เป็นธรรม (Lima, 2019, p.1) กลไกนี้เพื่อช่วยให้ภาคประชาชน
                 ได้มีช่องทางเข้าถึงกระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะที่มากกว่าช่องทางปกติและยังเป็นการฝึกทักษะความ
                 เป็นพลเมืองของประชาชนอีกด้วย


                        ประการที่สอง กลไกแบบล่างขึ้นบน ควรเน้นการฝึกวัฒนธรรมประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารือให้มาก
                 ขึ้น เนื่องจากผลจากการตอบแบบสอบถามในเบื้องต้น พบว่าประชาชนมีการรับรู้เกี่ยวกับสิทธิและการมีส่วน

                 ร่วม รวมทั้งความคิดเห็นต่อสิทธิและการมีส่วนร่วมแปลผลอยู่ในระดับมาก แต่ผลของการแสดงออกจริงกลับมี
                 ระดับที่ไม่สอดคล้องกับการรับรู้และความคิดเห็น แสดงให้เห็นว่าการแสดงออกจริงด้านสิทธิและการมีส่วนร่วม

                 ยังมีข้อจ ากัดอยู่ และต้องการการส่งเสริม เช่น การเปิดพื้นที่ให้มีกระบวนการพัฒนาข้อเสนอจากภาค
                 ประชาชนภายใต้กระบวนการปรึกษาหารือ ซึ่งจะช่วยฝึกการแสดงออกและความเป็นพลเมืองในการร่วม
                 พัฒนานโยบายสาธารณะได้ ถือเป็นการเสริมสร้างศักยภาพของประชาชนที่ถูกมองข้ามให้มีความเป็นพลเมือง

                 โดยให้พลเมืองสามารถแสดงออกในพื้นที่สาธารณะ (Rietbergen-McCracken, 2017, p.5 อ้างถึงใน ถวิลวดี
                 บุรีกุล, ทศพล สมพงษ์, และสมเกียรติ นากระโทก, 2563, น.50) เพราะพลเมืองแทบไม่มีโอกาสในการ

                 กระบวนการพัฒนานโยบาย การให้พลเมืองเข้ามีส่วนร่วมจะท าให้เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนทางระบบ
                 ราชการด้วย (Karkin, 2011, pp.16-17)


                        นอกจากนี้ ตัวแบบจากงานวิจัยนี้อาจเป็นประโยชน์ต่อการน าไปประยุกต์ใช้โดยหน่วยงานอย่าง
                 ส านักงานจังหวัดหรือองค์การบริหารส่วนจังหวัดในจังหวัดอื่น หากแต่การน าไปประยุกต์ใช้คณะผู้วิจัยมี
                 ข้อเสนอแนะใน 2 ประเด็นส าคัญ ได้แก่ 1) การมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคองค์กรวิชาการ และภาคประชาชน

                 ควรได้มีส่วนร่วมไปด้วยกันตั้งแต่ต้น ได้แก่ ตั้งแต่กระบวนการสร้างความเข้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาค
                 ประชาชนเพื่อให้กระบวนการขั้นต่อไปของตัวแบบ ได้แก่ กระบวนการรวบรวมความต้องการ และ

                 กระบวนการพัฒนาข้อเสนอทิศทางมีเครือข่ายในการรวบรวมและท าความเข้าใจกับประชาชนผู้ให้ข้อมูลจริงใน
                 แต่ละต าบล 2) ควรมีการน าข้อมูลที่รวบรวมได้จากกระบวนการรวบรวมความต้องการไปด าเนินการต่อในเชิง






                                                            259
   284   285   286   287   288   289   290   291   292   293   294