Page 197 - kpiebook64011
P. 197
“อย่างอัศวเหมเขาท าจริง ตรงจุดไหนไม่ดี เขาชี้แล้วให้ท าใหม่ ปรับปรุงใหม่เลย โครงการต่าง
ๆ เขาก็สร้างไว้เยอะ ต่างจากรุ่นพ่อเขาที่มีอ านาจมา 30 กว่าปี แต่ไม่ค่อยพัฒนาพื้นที่ให้มีอะไรเลย แต่
พอชนม์สวัสดิ์เข้ามาเป็นคนรุ่นใหม่ เขาพัฒนาให้เกิดอะไรขึ้นหลายอย่างในพื้นที่ คนส่วนใหญ่มองว่า
ชนม์สวัสดิ์ เขาท างานท าให้หมด น้ า ไฟ ถนน ส่งคนไปดูแลทั่วถึงในพื้นที่ถ้ามีผู้ใหญ่บ้าน หรือสมาชิก
สภาองค์กรปกครองท้องถิ่นที่เป็นกลุ่มเขา เข้าจะส่งคนให้เข้าไปดูแลแก้ไขทุกจุดเลย” (อดีตประธาน
อาสาสมัครสาธารณสุขประจ าอ าเภอเมือง, สัมภาษณ์, วันที่ 9 เมษายน 2564)
นโยบายที่ใช้ในการหาเสียงดูจะเป็นปัจจัยอันดับกลาง ๆ ที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งใช้พิจารณาประกอบการ
ตัดสินใจ เพราะเหตุว่านโยบายดูจะเป็นเรื่องที่ไกลตัวจากผู้คนในพื้นที่และอยู่พ้นไปจากอ านาจหน้าที่ของ
ผู้สมัคร ผู้ให้ข้อมูลกล่าวว่า ตัวนโยบายไม่สามารถสร้างกระแสความสนใจได้เท่ากับตัวโครงการที่ผู้สมัคร
น าเสนอว่าจะด าเนินการหากได้รับการเลือกตั้ง โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับปากท้อง การจัดสวัสดิการ
และการดูแลคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ ในขณะที่โครงการขนาดใหญ่ก็มักจะไม่ได้รับความสนใจจากคน
ส่วนมากในพื้นที่ เพราะไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้โดยตรงจากโครงการขนาดใหญ่เหล่านั้น ยิ่งไปกว่า
นั้นการน าเสนอนโยบายของผู้สมัครยังเป็นเรื่องที่ไกลจากอ านาจที่ตนเองมี เพราะนโยบายของท้องถิ่นไม่
สามารถคิดเองได้ แต่ต้องด าเนินการตามกรอบนโยบายที่กฎหมายและหน่วยงานราชการส่วนกลางก าหนด
(อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการท่านหนึ่ง, สัมภาษณ์, วันที่ 12 เมษายน 2564)
รูปแบบและวิธีการหาเสียงเป็นปัจจัยอันดับท้าย ๆ ที่กลุ่มตัวอย่างน ามาพิจารณาประกอบการตัดสินใจ
เนื่องด้วยกลุ่มการเมืองที่ลงสมัครรับเลือกตั้งล้วนมีวิธีการหาเสียงที่ไม่ต่างกัน การใช้ป้ายหาเสียง การใช้รถแห่
การแจกแผ่นพับใบปลิว และการลงพื้นที่พบปะประชาชนถูกใช้เป็นเครื่องมือพื้นฐานในการหาเสียง สิ่งที่จะ
แตกต่างออกไปคือ การใช้หัวคะแนนและจ านวนเงินที่น าไปแจกให้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง การหาเสียงด้วย
หัวคะแนนและการแจกเงินถูกใช้อย่างเข้มข้นจากสองกลุ่มการเมืองที่ต่อสู้กันมาอย่างยาวนานในพื้นที่
บรรยากาศการเมืองในระดับชาติเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กลุ่มตัวอย่างเลือกมาพิจารณาประกอบการ
ตัดสินใจเป็นอันดับท้าย เนื่องจากคนในพื้นที่ยังยึดติดกับตัวบุคคลมากกว่าการเมืองที่ไกลออกไปจากพื้นที่
เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้คือ การเลือกตั้งผู้บริหารเข้ามาบริหารจัดการกับพื้นที่ (ผู้ใหญ่บ้านชายท่านหนึ่ง,
สัมภาษณ์, วันที่ 5 เมษายน 2564) การเมืองในระดับชาติที่อยู่เหนือไปจากปัญหาในระดับพื้นที่ จึงเป็นปัจจัย
เชิงอุดมการณ์ที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งน าไปใช้พิจารณาส าหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
การเป็นทายาทนักการเมืองหรือตระกูลการเมืองในพื้นที่ดูจะเป็นปัจจัยที่มีความส าคัญน้อยที่สุด
ส าหรับการตัดสินใจของกลุ่มตัวอย่าง เนื่องจากลักษณะทางการเมืองในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ การเป็น
ทายาทนักการเมืองหรือตระกูลทางการเมืองดูจะส าคัญน้อยกว่าการสังกัดกลุ่มการเมืองใหญ่ในพื้นที่ เมื่อ
ตระกูลอัศวเหมสามารถสถาปนากลุ่มทางการเมืองของฝ่ายตนเองได้อย่างมั่นคง ท าให้ในพื้นที่เกิดขั้วอ านาจ
ทางการเมือง 2 กลุ่มหลักคือ กลุ่มอัศวเหมและกลุ่มรัศมิทัต ผู้สมัครรับเลือกตั้งรวมถึงทายาทตระกูลการเมืองที่
ต้องการลงสมัครต่างเลือกเข้าไปสังกัดกับกลุ่มการเมืองข้างต้น เพื่อใช้ประโยชน์จากเครือข่ายทรัพยากรและ
หัวคะแนนของกลุ่มการเมือง
โครงการศึกษาการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ปี 2563: การเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ 179