Page 32 - kpiebook63031
P. 32
31
3.4 ขอบเขตเนื้อหำ
1) พฤติกรรมกำรเลือกตั้ง
เป็นการศึกษาวิเคราะห์ เปรียบเทียบ ในทุกประเด็น เช่น การเลือกตั้งในครั้งนี้มีความเหมือน
หรือแตกต่างจากการเลือกตั้งที่เคยผ่านมาในพื้นที่หรือไม่ มีประเด็นใดบ้าง มีการเปลี่ยนแปลงที่สำาคัญใน
เรื่องใด และส่งผลกระทบสำาคัญในเรื่องการพัฒนาประชาธิปไตยอย่างไร รวมถึงการแข่งขันทางการเมือง
ทั้งในส่วนที่สามารถเห็นได้ชัดเจน เช่น การรณรงค์หาเสียง กลยุทธ์ วิธีการ การนำาเสนอนโยบาย ตลอดจน
การแข่งขันในส่วนที่ปิดบังเช่น การซื้อเสียง การใช้อิทธิพลของหน่วยงาน การแทรกแซงด้วยวิธีการต่างๆ
เป็นต้น
2) กำรใช้เงินในกำรหำเสียงเลือกตั้ง
(1) ศึกษาผลของการบังคับใช้มาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งตามกฎหมายใหม่
โดยวิเคราะห์เปรียบเทียบเจตนารมณ์ของกฎหมายกับผลที่เกิดขึ้นจริงในระดับพื้นที่ ผ่าน
การศึกษาบทบาทและวิธีการปฏิบัติงานของผู้จัดการเลือกตั้งว่ามีวิธีควบคุมตรวจสอบ
ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของพรรคการเมือง/นักการเมืองในพื้นที่อย่างไร ได้ผลหรือไม่ และ
พฤติกรรมของผู้สมัคร/พรรคการเมืองว่ามีปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติตามกฎหมายหรือไม่
มีความพยายามที่จะหลบเลี่ยงกฎหมายหรือไม่ อย่างไร
(2) ศึกษาอิทธิพลของการใช้จ่ายเงินของผู้สมัครและพรรคการเมืองมีต่อประชาชน และผล
ของการเลือกตั้ง ทั้งการใช้จ่ายเงินที่ถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมาย โดยให้ความสำาคัญกับ
การสำารวจในพื้นที่ว่ายังมีการซื้อสิทธิขายเสียงอยู่หรือไม่ มีรูปแบบหรือกระบวนการอย่างไร
ในการซื้อเสียง หรือหากมีการให้เป็นผลประโยชน์อื่นนอกจากตัวเงิน ผลประโยชน์ดังกล่าว
คืออะไร เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในรูปแบบใด และการซื้อเสียงไม่ว่าจะในรูปแบบใด
ยังมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งหรือไม่ อย่างไร
(3) สังเกต และชี้วัดความรู้สึก ถึงทัศนคติและการให้เหตุผลของบุคคลทั่วไปในการรับรู้เกี่ยวกับ
การซื้อเสียง แลกผลประโยชน์ และสร้างเครือข่ายอุปถัมภ์ในพื้นที่ โดยพิจารณาว่าประชาชน
ทั่วไปสามารถยอมรับกับพฤติกรรมดังกล่าวได้หรือไม่ เพราะเหตุใด และประชาชนทั่วไป
มีการตอบสนองต่อพฤติกรรมดังกล่าวอย่างไรบ้าง