Page 159 - kpiebook63029
P. 159
158 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเลย
ซึ่งสะสมทุนมาเป็นเวลายาวนานตั้งแต่รุ่นปู่ (สุรัตน์ ทิมสุวรรณ) ในปัจจุบันเครือข่ายนี้ มีฐานอำานาจ
ทางการเมืองที่สำาคัญทั้งในระดับชาติผ่านการได้รับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใน 2 จากทั้งหมด
3 เขตเลือกตั้ง และการครองอำานาจอย่างยาวนานในการเมืองท้องถิ่นผ่านองค์การบริหารส่วนจังหวัด
หากพิจารณาในอดีต พบว่า การสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และผู้บริหาร
ในองค์กรปกครองท้องถิ่นขนาดใหญ่ มักได้รับการสนับสนุนและเห็นชอบจากตระกูลดังกล่าวเสมอ แม้
กระทั่งปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ส. 9 สมัย และทศพล สังขทรัพย์ ก็มีเส้นทางการเมืองและเติบโต
มาจากเครือข่ายตระกูลทิมสุวรรณ สำาหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ พบว่า การประนีประนอมในผลประโยชน์
ผ่านการจัดสรรการลงสมัครรับเลือกตั้งในเขต 1 และเขต 2 ในนามพรรคเพื่อไทย กล่าวคือ สำาหรับเขต 1
ส.ส.เดิมของพรรคเพื่อไทยย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น จึงทำาให้พรรคต้องสรรหาผู้สมัครรายใหม่ ทว่า
ในเขต 2 มีผู้สมัครที่มีศักยภาพและคาดว่าจะได้รับเลือกตั้งถึง 2 คน คือ ศรัณย์ ทิมสุวรรณ และเลิศศักดิ์
พัฒนชัยกุล โดยทั้งสองมีฐานเสียงส่วนใหญ่ในเขตอำาเภอวังสะพุง ด้วยเหตุดังกล่าว การต่อรองและ
ประนีประนอมผลประโยชน์จึงเกิดขึ้น ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมของประชาชนแต่อย่างใด ผลปรากฏ
ว่าเลิศศักดิ์ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองวังสะพุง ได้รับการจัดสรรให้เป็นผู้สมัครของพรรคในเขต 1
ส่วนศรัณย์ ที่ลง “เล่นการเมือง” เป็นครั้งแรกในขณะที่อายุยังไม่ถึงสามสิบปีนั้น ได้รับการจัดสรรให้เป็น
ผู้สมัครในเขต 2 เนื่องจากพรรคและเครือข่ายกลุ่มการเมืองในจังหวัด พิจารณาแล้วว่า หากจะให้ศรัณย์
ไปลงแข่งขันในเขต 1 อาจ “พลาดท่า” ให้กับผู้สมัครที่มีประสบการณ์สูงอย่างทศพล สังขทรัพย์ และ
อดีต ส.ส.อีกคนหนึ่ง คือ วันชัย บุษบา ทว่าหากเป็นเลิศศักดิ์ ด้วยเครือข่ายกลุ่มธุรกิจที่มีอย่างกว้างขวาง
ในเขตอำาเภอเมือง บุคลิกภาพดี มีประสบการณ์ด้านการเมือง และเป็นนักวางยุทธศาสตร์ จะสามารถ
รับมือกับผู้สมัครจากพรรคการเมืองอื่นได้ นอกจากนี้ปัจจัยสำาคัญที่ทำาให้พรรคเพื่อไทยเลือกเลิศศักดิ์
เป็นตัวแทน คือ ความพร้อมด้านการเงิน ที่ทำาให้พรรคไม่ต้องสนับสนุนมากนัก
ด้านความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองระดับชาติกับนักการเมืองท้องถิ่น จากข้อสังเกตของ
เวียงรัฐ ในสถานการณ์หลังการรัฐประหาร พ.ศ.2549 คือ ลักษณะของการเลือกตั้งที่ไม่มั่นคงและ
ต่อเนื่อง ทำาให้เครือข่ายการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดเลยไม่ได้ผูกมัดตนเองเข้ากับพรรคการเมืองใดโดย
เฉพาะ พิจารณาจากเครือข่ายตระกูลทิมสุวรรณ ในเขตเลือกตั้งที่ 2 และ 3 ในกรณีเขตเลือกตั้งที่ 2 ศรัณย์
ทิมสุวรรณ เลือกที่จะลงรับสมัคร ส.ส.ในนามพรรคเพื่อไทย ส่วนธนยศ ทิมสุวรรณ เลือกสังกัด
พรรคภูมิใจไทย และทั้งสองได้รับเลือกตั้ง ในขณะที่ธนยศ ต้องแข่งขันกับผู้สมัครที่มีศักยภาพถึง 2 คน
คือ ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ส. 9 สมัยจากพรรคพลังประชารัฐ และสันติภาพ เชื้อบุญมี ผู้สมัครจาก
พรรคเพื่อไทย ทั้งนี้เป็นเพราะเครือข่ายการเมืองท้องถิ่นของผู้เป็นบิดา (ธนาวุฒิ ทิมสุวรรณ) ที่มีครอบคลุม
ทั่วทั้งจังหวัดผ่านองค์การบริหารส่วนจังหวัด สามารถจัดการฐานคะแนนเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เนื่องจากบรรดาหัวคะแนนส่วนใหญ่เป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดในเครือข่าย และได้รับ
ผลประโยชน์ต่อเนื่องผ่านโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่อยู่ในงบประมาณของ อบจ. ตลอดจน
การช่วยเหลือและสนับสนุนงบประมาณเมื่อมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด
ในแต่ละครั้ง กระนั้นก็ดี ความนิยมต่อพรรคเพื่อไทยของประชาชนในจังหวัดยังปรากฏให้เห็นอยู่บ้าง