Page 14 - kpiebook63019
P. 14

9














               1.1 ที่มาและความสำคัญของปัญหา


                     รัฐสภาไทยเป็นสถาบันทางการเมืองที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประชาธิปไตย มีอำนาจหน้าที่หลัก
               ในด้านนิติบัญญัติ ตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร และพิจารณาให้ความเห็นในเรื่องต่าง ๆ ในฐานะผู้แทน
               ปวงชนชาวไทย การดำเนินงานของรัฐสภานั้น โดยหลักต้องดำเนินการตามหน้าที่บนพื้นฐานการบริหารจัดการ

               ที่ดี  สอดคล้องกับหลักคุณธรรม และที่สำคัญอย่างยิ่งคือ การดำเนินการต้องสอดรับกับความคาดหวังของ
               ประชาชน สำหรับรัฐสภาไทย มีกำเนิดมาหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์

               มาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตั้งแต่ พ.ศ. 2475 และในช่วงกว่า
               8 ทศวรรษที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลายครั้ง และเกิดการเปลี่ยนแปลง
               ทางรัฐสภาไทยเอง อย่างไรก็ตามด้วยบทบาทอำนาจหน้าที่ ที่กำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญฉบับต่าง ๆ ได้ทำให้

               รัฐสภาเป็นสถาบันการเมืองที่มีอำนาจสูงและมีเกียรติ เป็นที่ทำงานของผู้ที่จัดว่าเป็นตัวแทนของประชาชน
               มีภารกิจที่กำหนดให้สมาชิกรัฐสภาต้องสำนึกรับผิดชอบ ในฐานะตัวแทนทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา

               การตัดสินใจและการดำเนินการของพวกเขาล้วนมีผลกระทบต่อประชาชนโดยภาพรวม นอกจากนี้การมี
               ความสัมพันธ์ที่ดีกับประชาชนเจ้าของอำนาจ ก็มีความจำเป็นเพื่อให้สมกับการทำหน้าที่จรรโลงประชาธิปไตย
               แบบตัวแทนให้มีความเข้มแข็ง ที่ผ่านมาประชาชนชาวไทยมักไม่ค่อยได้มีโอกาสทราบผลการทำงานของ

               รัฐสภาไทยมากนัก ด้วยระบบการสื่อสารและช่องทางที่มีจำกัด แต่ในปัจจุบันมีความพยายามที่จะปฏิรูประบบ
               การบริหารราชการแผ่นดิน ไปสู่ภาวะวิถีปกติใหม่ (New Normal) กลไกในการเข้าถึงข้อมูล การมีส่วนร่วม

               การติดตามตรวจสอบการทำงานของภาคส่วนต่าง ๆ ที่ต้องใช้เงินภาษีประชาชนจึงมีความจำเป็นมากขึ้น
               ประกอบกับการมีการประเมินผลการทำงานที่เป็นรูปธรรม มีข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ช่วยให้ได้ทราบผลการทำงาน
               ขององค์กร และมีข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นต่อไป


                     ดังนั้น เพื่อเป็นการตรวจสอบว่าการดำเนินงานของรัฐสภาจะต้องตรงตามความประสงค์ของหลักการ
               ข้างต้น จึงจำเป็นที่จะต้องมีการวัดประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินงานของรัฐสภา ซึ่งสามารถ

               เทียบวัดกับมาตรวัดรัฐสภาของประเทศอื่น ๆ โดยผ่านเกณฑ์และตัวชี้วัดที่สหภาพรัฐสภา (Inter -
               Parliamentary Union: IPU) ได้กำหนดไว้ การประเมินการดำเนินงานของรัฐสภาตามเกณฑ์และตัวชี้วัดของ
               สหภาพรัฐสภาจึงเกิดขึ้น เพื่อประเมินการดำเนินงานของรัฐสภาไทยตามกรอบตัวชี้วัดที่เป็นสากลของสหภาพ

               รัฐสภาระหว่างประเทศ (Inter-Parliamentary Union : IPU) ซึ่งประกอบด้วยตัวชี้วัด 6 ด้าน ได้แก่ การเป็น
               ตัวแทนประชาชน การตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร การทำหน้าที่ด้านนิติบัญญัติ ความโปร่งใส

               และการเข้าถึงได้ ความสำนึกรับผิดชอบ และการมีส่วนร่วมในนโยบายระหว่างประเทศ ซึ่งผลการศึกษา
               และประเมินดังกล่าวจะนำไปสู่การเปรียบเทียบกับมาตรฐานการดำเนินงานของรัฐสภาสากลและนำไปสู่
               แนวทางการพัฒนาความก้าวหน้าในการปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา









            การประเมินผลการดำเนินงานของรัฐสภาไทย (สภานิติบัญญัติแห่งชาติ) โดยใช้เกณฑ์และตัวชี้วัดของ Inter-Parliamentary Union (IPU)
   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19