Page 59 - kpiebook63012
P. 59

59








                  การหาเสียงแบบโดด กล่าวคือ โดยลำาพังมิต้องพึ่งทีมและพรรคในการหาเสียง แน่นอนว่าทำาให้พรรคการเมือง

                  อ่อนแอ ผู้สมัครหาเสียง และพรรคเองก็สามารถร่วมงานกันได้ ถึงแม้จะไม่มีอุดมการณ์หรือนโยบายร่วมกันใด ๆ เลย
                  ระบบการเลือกตั้งเช่นนี้เอื้อในทางการหาเสียงโดยเน้นตัวบุคคลผู้สมัครเป็นหลัก พฤติกรรมเบี่ยงเบนในการเลือกตั้ง

                  จึงเกิดขึ้นเนื่องด้วยว่าเป็นวิธีการที่ง่าย สะดวก และตัดกำาลังคู่แข่งทั้งต่างพรรคและในพรรคการเมือง อีกทั้ง
                  ยังส่งเสริมระบบอุปถัมภ์ด้วยเช่นกัน ประการสุดท้าย ประการที่เจ็ด คือ บทบาทของนักธุรกิจ/นักการเมือง

                  ที่มักอาศัยช่องโหว่ช่องว่างทางกฎหมาย หรือพยายามหลบเลี่ยงในการกระทำาพฤติกรรมเบี่ยงเบนในการเลือกตั้ง
                  ซื้อสิทธิ์ขายเสียง นักธุรกิจมักอาศัยช่องทางและอำานาจทางการเมืองเพื่อสร้าง พิทักษ์ หรือขยายกิจการและ

                  ผลประโยชน์ของตนเอง จึงมักสนับสนุนกลุ่มการเมือง หรือไม่ก็เข้ามาเล่นการเมืองเสียเอง ซึ่งต่อมานักธุรกิจ/
                  การเมืองเหล่านี้พัฒนาการหาเสียงตนเองให้เปรียบเสมือนระบบตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ กล่าวคือ ใช้กลยุทธ์ที่มี

                  แนวโน้มไปในเชิงพฤติกรรมเบี่ยงเบนในการเลือกตั้งมากขึ้น จนเริ่มมีลักษณะความเป็นสถาบันไปเสียแล้ว นอกจากนั้น
                  ยังพยายามเข้าไปแทรกแซงการเมืองท้องถิ่นไปจนถึงระดับหมู่บ้าน เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ

                  จากงบประมาณในโครงการต่าง ๆ นั้นเอง จนกลายเป็นวงจรที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไป


                          ในการศึกษาเรื่องพฤติกรรมทางการเมืองของประชาชนในจังหวัดพะเยา ช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมา
                  เช่น งานของ วีระ เลิศสมพร (2558) โดยศึกษาความเคลื่อไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้ง

                  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพะเยา พ.ศ. 2544 พบว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ดำาเนินการประชาสัมพันธ์ผ่าน
                  ช่องทางต่าง ๆ เช่น ป้ายคัทเอาท์ แผ่นพับ ใบปลิว รถแห่ประชาสัมพันธ์ เป็นต้น โดยได้ดำาเนินการตามกฎเกณฑ์

                  ภายใต้ข้อกำาหนด แต่จะมีบางพื้นที่ที่เกิดการทำาลายป้ายหาเสียง ส่วนบรรยากาศของประชาในจังหวัดพะเยา
                  มีความตื่นเต้นและคึกคักจากการประชาสัมพันธ์จากหน่วยงานระดับชาติและระดับท้องถิ่น ซึ่งประชาชนมีความรู้

                  และความเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกตั้งในระดับหนึ่ง จาก “ความตื่นตัว” และ “ความกระตือรือร้น” ในการออก
                  มาใช้สิทธิเลือกตั้ง สำาหรับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนมีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกตั้งมาก

                  พอสมควร โดยบรรยากาศใกล้ช่วงวันเลือกตั้งจะคึกคักเป็นพิเศษ และถ้าหากประชาชนมีความรู้ทางการเมือง
                  ในทิศทางใดก็จะปฏิบัติเช่นนั้น ความเคลื่อนไหวและพฤติกรรมของผู้สมัครรับเลือกตั้งที่เป็นไปในเชิงบวก คือ

                  การไม่ขัดต่อกฎหมายหรือสร้างสรรค์ การไม่เน้นโจมตีผู้แข่ง แต่จะเน้นการนำาเสนอนโยบายของพรรคการเมือง
                  ต้นสังกัด เป็นต้น โดยมีวีธีการหาเสียงเชิงบวกแบบเปิดเผย เช่น การแจกใบปลิว การเดินเคาะประตูบ้าน การจัด

                  เวทีปราศัยทั้งขนาดย่อยและใหญ่ การออกสื่อโทรทัศน์ แต่ก็ยังมีความเคลื่อนไหวและพฤติกรรมของผู้สมัคร
                  รับเลือกตั้ง ในเชิงลบ ได้แก่ การซื้อเสียง อย่างไรก็ตาม ยังมีข้าราชการบางกลุ่มที่มีพฤติกรรมการวางตัวไม่เป็นกลาง

                  หรือให้การสนันสนุนพรรคการเมืองที่เอื้อผลประโยชน์ต่าง ๆ กับตน อาจเนื่องด้วยแบบแผนพฤติกรรมทางการเมือง
                  ของประชาชนจังหวัดพะเยา มีความสอดคล้องกับ “วัฒธรรมทางการเมือง” ซึ่งจากผลสรุปในข้างต้นที่กล่าวมานั้น

                  วัฒธรรมทางการเมืองของคนจังหวัดพะเยามีลักษณะเป็นไปตามแนวคิดแบบ “ไพร่ฟ้า” อำานาจนิยม และ
                  ความสัมพันธ์แบบอุปถัมป์ ซึ่งสอดคล้องกับงานของ ฉัตรทิพย์ ชัยฉกรรจ์ (2559) ศึกษาเรื่องโครงการวิจัย

                  เชิงสำารวจความคิดเห็นของประชาชนจังหวัดพะเยาที่มีต่อเหตุการณ์รัฐประหาร พ.ศ. 2557 ที่มีข้อเสนอแนะ
                  จากผลสรุปงานวิจัย คือ แม้คนพะเยาจะไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างชัดเจน แต่ก็มีความคิดเห็น

                  ทางการเมืองที่หลากหลาย จึงทำาให้การเมืองพะเยามีความหลากหลายมากกว่าที่จะสรุปว่าเป็นสีใดสีหนึ่ง
   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63   64