Page 48 - kpiebook63012
P. 48

48    การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมือง และพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดพะเยา








             ไปใช้คิดจำานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ แต่เหตุผลดังกล่าวจะนำามาเป็นสาระสำาคัญไม่ได้

             เพราะหลักของการเลือกตั้งอยู่ที่คะแนนการเลือกตั้งจะต้องสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนอย่างแท้จริง
             และสำาหรับโจทย์ที่ระบุว่า เพื่อเป็นการช่วยพรรคเล็ก พบว่าไม่จริง เพราะการจะได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

             แบบบัญชีรายชื่อ พรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัครครบทุกเขตเลือกตั้ง เพื่อจะได้มีคะแนนที่แพ้นำามาคิดปันส่วน
             แต่จากข้อเท็จจริง มีเพียง 2 พรรคใหญ่ อย่างประชาธิปัตย์และเพื่อไทยเท่านั้นที่ส่งครบทุกเขตได้ ส่วนพรรค

             ขนาดกลางอย่างชาติไทยพัฒนาหรือภูมิใจไทยก็ยังส่งไม่ครบ ส่วนพรรคเล็กแน่นอนว่าไม่มีศักยภาพพอที่จะส่ง
             ครบทุกเขตได้ ดังนั้น พรรคเล็กแทบจะไม่มีคะแนนบัญชีรายชื่อ


                      คณิน บุญสุวรรณ (2558) อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2540 โดยกล่าวสรุปข้อเสีย

             ของการเลือกตั้งแบบกาบัตรใบเดียวไว้ 10 ประการ ดังนี้ 1. ไม่เป็นธรรมต่อประชาชน เพราะในขณะที่สมาชิก
             สภาผู้แทนราษฎรมี 2 ประเภท แต่กลับให้ประชาชนมีสิทธิเลือกได้เพียงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต

             เลือกตั้งเท่านั้น ซึ่งเท่ากับเป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์ในการไปใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชน พูดง่าย ๆ คือ
             มัดมือชกนั่นเอง 2. เป็นการรอนสิทธิหรือบังคับจิตใจของประชาชนมิให้ “เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ”

             จึงทำาให้ประชาชนมีสภาพเหมือนถูก “ขโมย” สิทธิที่จะลงคะแนนเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ
             3. ทำาให้พรรคที่ได้รับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งมีจำานวนมากเท่าไร โอกาสที่จะได้ที่นั่ง

             สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อก็ลดน้อยลงเท่านั้น ซึ่งสวนทางกับความเป็นจริง 4. ทำาให้เป็นการยากที่
             พรรคใดพรรคหนึ่งจะครองเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาดในสภาที่จะเป็นแกนนำาในการจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้

             5. ทำาให้พรรคการเมืองที่มีที่นั่งมากที่สุดในสภาอาจถูกผลักให้เป็นฝ่ายค้าน โดยพรรคอันดับสองและพรรค
             ที่เหลือทั้งหมดจับมือกัน ซึ่งขัดแย้งกับหลักการปกครองโดยเสียงข้างมาก “Majority rule” 6. เปิดช่องให้มี

             นายกรัฐมนตรีคนนอกและรัฐบาลผสมที่พรรคอันดับหนึ่งไม่ได้เป็นรัฐบาลซึ่งกระทบต่อภาพลักษณ์และ
             ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาคมโลก ตลอดจนความไม่เชื่อมั่นในเสถียรภาพของรัฐบาล 7. ทำาให้เกิดรัฐบาล

             ผสมที่อ่อนแอและตกอยู่ในวังวนของการแย่งชิง กดดัน ต่อรองตำาแหน่ง และผลประโยชน์จนผู้นำารัฐบาลทนต่อ
             แรงเสียดทานไม่ไหว ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก หรือ นายกรัฐมนตรีที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

             ยิ่งถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกยิ่งจะโดนกดดันอย่างหนักจากพรรคร่วมรัฐบาล 8. ทำาให้พรรคการเมืองอ่อนแอ
             และแตกแยกจากปัจจัยที่นอกจากจะต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีได้ถึง 3 คน และแย่งกันอยู่ในบัญชีรายชื่อ

             ลำาดับต้น ๆ แล้ว ยังทำาให้ขาดแรงจูงใจและเกี่ยงงอนกันหาคะแนนนิยมให้กับผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
             แบบแบ่งเขตเลือกตั้งของพรรคอีกด้วย 9. ขัดแย้งกับการโฆษณาชวนเชื่อของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่ว่า

             ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ส่งเสริมให้คนดีเข้าสู่สภา เพราะโอกาสของคนดีที่จะเข้าสู่สภาโดยผ่านทางบัญชีรายชื่อ
             แทบจะเป็นศูนย์ 10. เปิดช่องให้พรรคขนาดกลางเนื้อหอมจนบรรดานายทุนแย่งกันประมูลซื้อพรรค และเป็น

             นายทุนให้ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเอาเงินไปซื้อเสียง


                      ดังนั้น จะเห็นว่าระบบการเลือกตั้งภายใจ้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มีประเด็น
             ที่น่าพิจารณาในหลายมิติ ทั้งเจตนารมณ์ของผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ความได้เปรียบในการเลือกตั้งของทั้ง
             พรรคการเมืองขนาดใหญ่และขนาดเล็ก พฤติกรรมในการหาเสียงเลือกตั้ง และการมีนายกรัฐมนตรีคนนอก เป็นต้น
   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53