Page 137 - kpiebook63011
P. 137

137







                  6.1 บทสรุป



                          จากการศึกษาวิจัยเรื่อง “การเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 ที่มีผลต่อรูปแบบ วิธีการ และ

                  พฤติกรรมการหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562

                  จังหวัดเชียงใหม่” พบว่าการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 ที่เกิดขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญ ฉบับปี พ.ศ. 2560
                  กับระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมได้นำามาสู่การเปลี่ยนแปลงของยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนา
                  องค์กรของพรรคการเมือง ตลอดจนพฤติกรรมการเลือกตั้งของประชาชนในหลายมิติ ต่างส่งผลต่อทิศทาง

                  การพัฒนาทางการเมืองของประเทศไทยในปัจจุบัน จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งถือเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางทาง

                  การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของภาคเหนือตอนบน มีจำานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งวันที่
                  24 มีนาคม 2562 จำานวนมากที่สุดในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ โดยจำานวน 9 คน ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของ
                  9 เขตเลือกตั้ง จำานวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีสูงถึง 1,303,660 คน การเลือกตั้งครั้งนี้ นับเป็นการเลือกตั้งที่มีผู้สมัคร

                  รับเลือกตั้งมากที่สุดและมีพรรคการเมืองลงแข่งขันเฉลี่ยในเขตเลือกตั้งมากที่สุดเช่นเดียวกัน โดยมีผู้สมัคร

                  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำานวน 9 เขตเลือกตั้ง รวม 310 คน จาก 44 พรรคการเมือง
                  โดยภายหลังจากการตรวจสอบคุณสมบัติและข้อต้องห้าม มีผู้สมัครที่คุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์ จำานวน 7 คน
                  คงเหลือ 303 คน มีจำานวนหน่วยเลือกตั้ง 2,590 หน่วยเลือกตั้ง จาก 25 อำาเภอ (สำานักงานคณะกรรมการ

                  การเลือกตั้งประจำาจังหวัดเชียงใหม่ 2562, สำานักกรมประชาสัมพันธ์, 4 มีนาคม 2562)


                          ผลการเลือกตั้งของจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 24 มีนาคม 2562 ทั้ง 9 เขต พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่
                  ได้รับการลงคะแนนสูงสุดมาเป็นอันดับ 1 ทุกเขตเลือกตั้ง ซึ่งสะท้อนความนิยมและความเข้มแข็งของพรรค

                  เพื่อไทยในพื้นที่ของจังหวัดชียงใหม่ได้อย่างดี แม้ว่าในรอบ 5 ปีที่ผ่านมากลไกทางการเมืองต่างหยุดชะงักและ
                  พรรคการเมืองไม่ได้มีการดำาเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างเป็นทางการต่อเนื่อง แม้พรรคเพื่อไทยในจังหวัด

                  เชียงใหม่ไม่ได้ดำาเนินกิจกรรมต่าง ๆ แต่เครือข่ายการเมืองด้วยระบบอุปถัมภ์ที่มีต่อกลุ่มการเมืองและผู้นำาการเมือง
                  ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ยังคงเป็นกลไกสำาคัญในการหล่อเลี้ยงความนิยมและความผูกพันกับพรรคเพื่อไทย

                  มานับตั้งแต่พรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน ในขณะพรรคพลังประชารัฐและพรรคอนาคตใหม่
                  เป็นพรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งรองลงมาในอันดับที่ 2 และ 3 ในเขตเลือกตั้งทั้ง 9 เขต ผลคะแนน

                  เสียงการเลือกตั้งสะท้อนภาพของความหลากหลายของพรรคการเมืองจากระบบการเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนผสม
                  การมีผู้สมัคร ส.ส. จากพรรคการเมืองจำานวนมากลงแข่งขันในการเลือกตั้งครั้งนี้ และสัดส่วนการกระจายของ

                  คะแนนยิ่งตอกยำ้าความต้องการของประชาชนในการเห็นพรรคการเมืองเป็นองค์กรทางการเมืองที่มั่นคง มากกว่า
                  เป็นเพียงพรรคที่เกิดขึ้นมาเพื่อการเลือกตั้งในช่วงเวลาของการเลือกตั้งเท่านั้น พฤติกรรมการลงคะแนนเสียง

                  ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งจังหวัดเชียงใหม่ที่เห็นได้ชัดเจนคือ การเปลี่ยนแปลงจากความนิยมตัวบุคคลไปสู่ความนิยม
                  ในพรรคการเมืองมากขึ้น แต่ยังมีความนิยมตัวบุคคลที่โดดเด่นในพรรค เช่น หัวหน้าพรรค แกนนำาพรรคที่มี

                  ชื่อเสียง ความหลากหลายทางสังคมและวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงใหม่ การเติบโตของของความเป็นเมือง
                  และวิถีชีวิตสมัยใหม่ที่มีเทคโนโลยีด้านการสื่อสารมาเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง นับเป็นสิ่งที่ท้าทาย

                  ความสามารถและการทำาหน้าที่ของ นักการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง และพรรคการเมือง
   132   133   134   135   136   137   138   139   140   141   142