Page 140 - kpiebook63011
P. 140
140 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดเชียงใหม่
การปรับตัวของพรรคการเมืองในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งมีความแตกต่างอย่างชัดเจนในส่วนของ
พื้นที่ในเขตเมืองกับเขตชนบท สภาพบริบทที่มีความแตกต่างกันมากส่งผลให้พรรคการเมืองมีการใช้กลยุทธ์
การหาเสียงที่แตกต่างกันไปตามลักษณะพื้นที่เขตเลือกตั้งของตน พรรคการเมืองทุกพรรคที่ลงแข่งขันในเขตเมือง
ใช้สื่อออนไลน์ทั้งเฟสบุ๊ค,ไลน์และทวิตเตอร์ค่อนข้างมาก และมีการโพสต์ข้อความรูปภาพต่าง ๆ เพื่อให้เกิด
การเชื่อมต่อกับกลุ่มคนชนชั้นกลางและคนรุ่นใหม่ในพื้นที่ ในขณะที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตพื้นที่นอกอำาเภอเมือง
ด้วยสภาพภูมิศาสตร์ของจังหวัดเชียงใหม่ที่มีหุบเขาและชุมชนอยู่กระจัดกระจาย ที่มีความหลากหลายของ
กลุ่มชาติพันธุ์ ทำาให้การหาเสียงจะต้องอาศัยวิธีการเข้าหาชุมชน การใช้ป้ายหาเสียง แจกแผ่นพับ และเข้าพบปะ
พูดคุยกับผู้นำาชุมชน ซึ่งตอกยำ้าระบบวัฒนธรรมของพื้นที่ในการเข้าถึง การสร้างความสัมพันธ์ที่ขยายไปถึง
การจัดเครือข่ายความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ในการเลือกตั้งด้วย
การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองในจังหวัดเชียงใหม่ยังคงอาศัยระบบหัวคะแนน
ที่เชื่อมโยงผลประโยชน์ระหว่างผู้สมัครรับเลือกตั้งกับประชาชน ทั้งในรูปแบบของตัวเงินและข้อเสนอในรูปแบบ
อื่น ๆ เช่น การช่วยเหลือผ่านนโยบาย หรือการสนับสนุนและพัฒนาความจำาเป็นของสาธารณูปโภคในชุมชน
ระบบอุปถัมภ์ระหว่างพรรคการเมือง นักการเมือง กลุ่มการเมืองท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
มีความมั่นคงและเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงอำานาจทางการเมืองของพรรคการเมืองและผู้นำาการเมือง กระบวนการคัดสรร
ผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองในจังหวัดเชียงใหม่มีแนวทางที่แตกต่างกันของแต่ละพรรค แต่พรรคเพื่อไทย
ยังคงเชื่อมั่นถึงฐานเสียงของพรรคที่ทำาให้ส่งผู้สมัครทั้ง 8 เขตเป็นผู้ที่เป็นอดีต ส.ส. ทั้งสิ้น ในขณะที่พรรคการเมือง
อื่น ๆ ยังคงอาศัยการคัดเลือกผู้สมัครด้วยคุณลักษณะของตัวบุคคล ชื่อเสียง หรือเคยมีบทบาทในชุมชนมาก่อน
เนื่องจากการมีต้นทุนทางสังคมเป็นฐานรองรับจะช่วยทำาให้การเชื่อมเครือข่ายอุปถัมภ์กับการรณรงค์หาเสียง
เลือกตั้งง่ายขึ้น
พฤติกรรมในการเลือกตั้งของประชาชนมีการเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีต คือ มีความตื่นตัวทางการเมือง
จากการรับสื่อ ข้อมูลข่าวสารจากหลายช่องทาง และจากบทเรียนความขัดแย้งทางการเมืองในอดีต การเลือกตั้ง
สำาหรับประชาชนจึงมีความสำาคัญที่ไม่ใช่แค่การเลือก ส.ส. อีกต่อไป แต่เป็นการเลือกทิศทางของการเมืองระดับชาติ
และการเลือกนโยบายที่ประชาชนคิดว่าหากลงคะแนนเสียงไปควรจะมีผลตอบแทนของนโยบายที่เป็นรูปธรรม
ผู้นำาชุมชน หัวคะแนนยังคงมีบทบาทในการชี้นำา โน้มน้าวประชาชนในชุมชนให้เลือกพรรคการเมืองหรือผู้สมัคร
ที่ตนสนับสนุน แต่ไม่สามารถควบคุมการตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้งได้อย่างเด็ดขาด ความเปลี่ยนแปลงของ
พฤติกรรมการเลือกตั้งของประชาชนมีสาเหตุมาจาก 3 ประเด็นหลัก ๆ ดังนี้ ประการแรก มาจากความต้องการ
ในการมีส่วนร่วมทางการเมืองผ่านการเลือกตั้งอันเกิดจากความอัดอั้นของบรรยากาศทางการเมืองภายหลังจาก
การรัฐประหารตั้งแต่ พ.ศ.2557 ที่ทำาให้การเลือกตั้งมีความหมายต่อวิถีชีวิตมากขึ้น ประการที่สอง เกิดมาจาก
ระบบการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ที่มีการใช้ระบบจัดสรรปันส่วนผสม ทำาให้มีพรรคการเมืองมากขึ้น
และมีพรรคการเมืองใหม่ ๆ เกิดขึ้น สร้างบรรยากาศของการเมืองการเลือกตั้งที่มีสีสัน ความหลากหลายทั้งใน
พื้นที่และในสื่อทุกช่องทาง ทำาให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลในสังคมมาก ประการที่สาม ปัญหาทางเศรษฐกิจ