Page 542 - kpiebook63010
P. 542
541
4.4 บทวิเคราะห์ความขัดแย้งทางการเมืองและรอยแยก
ทางสังคม และพฤติกรรมการเลือกตั้งของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง
ในส่วนนี้จะพิจารณาสองประเด็นหลักก็คือ สถานะของความขัดแย้งในสังคมกับการเลือกตั้ง
เมื่อ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 และ ตัวแบบพฤติกรรมการเลือกตั้งของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร
4.4.1 มิติที่ซับซ้อนขึ้นของความขัดแย้งทางการเมืองและรอยแยกทางสังคมก่อนและ
หลังการเลือกตั้ง 24 มีนาคม พ.ศ. 2562
ความขัดแย้งทางสังคมที่น�าไปสู่ประเด็นท้าทายในการวิเคราะห์เรื่องของรอยแยกทางสังคมนับตั้งแต่
วิกฤติทางการเมือง พ.ศ. 2549 มาจนถึงปัจจุบันนั้นเป็นความขัดแย้งที่เพิ่มมิติที่ซับซ้อนขึ้นจนกลายเป็น
ความขัดแย้งใน 3 มิติหลัก
มิติที่ 1: ความขัดแย้งในสังคมไทยร่วมสมัยที่น�าไปสู่วิกฤติทางการเมืองนับตั้งแต่ พ.ศ. 2549
จนถึงการท�ารัฐประหาร พ.ศ. 2557 เป็นความขัดแย้งที่น�าไปสู่การเกิดเสื้อเหลืองและเสื้อแดง และต่อมา
ได้กลายสภาพเป็นความขัดแย้งระหว่าง กปปส. กับ เสื้อแดง ซึ่งศูนย์กลางของความขัดแย้งแสดงตัวออกมา
ในเรื่องของขบวนการต่อต้าน(ระบอบ)ทักษิณ และ ขบวนการสนับสนุน(ระบอบ)ทักษิณ โดยที่ความร้าวลึก
ทางสังคมในอดีตนั้นได้แสดงออกมาในเรื่องอิทธิพลที่มีต่อการตัดสินใจเลือกตั้งนับจากการเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 (ที่เป็นโมฆะ) การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 การเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 และการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 (ที่เป็นโมฆะ) โดยที่มี
ความร้าวลึกในฐานของภูเขาน�้าแข็งเป็นเรื่องของความขัดแย้งในเรื่องชนชั้น ความยุติธรรม และ แนวคิดประชาธิปไตย
ที่ต่างกัน (รวมทั้งการต่อต้านประชาธิปไตยในนาม “เพื่อประชาธิปไตย” และ “ประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์”)
มิติที่ 2: ความขัดแย้งในสังคมไทยในช่วงหลังการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เป็นต้นมานั้น
มิได้ลดความขัดแย้งทางสังคมในแบบสีเสื้อลงในแบบที่คณะรัฐประหารกล่าวอ้าง ซ�้ายังเริ่มเกิดค�าถามมากขึ้นเรื่อย ๆ
ย้อนกลับไปเมื่อการท�ารัฐประหารครั้งที่แล้ว (19 กันยายน พ.ศ. 2549) ว่าการท�ารัฐประหารนั้นเป็นทางออก
ให้กับวิกฤติของประเทศ หรือ ท�าให้วิกฤติมีความซับซ้อนมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะในเรื่องของความล่าช้า
และข้อสงสัยในความเป็นกลางในการด�าเนินคดี ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองแบบสีเสื้อที่ผ่านมา
นอกจากข้อสงสัยที่มีต่อการแก้ปัญหาความขัดแย้งแบบสีเสื้อที่มีอยู่ด้วยการท�ารัฐประหาร การปราบปราม
ประชาชนผู้เห็นต่างด้วยโครงสร้างกฎหมายพิเศษกับคนที่ท้าทายการแก้ปัญหาด้วยการท�ารัฐประหาร และ
ผลงานการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจที่ไม่ประสบความส�าเร็จในเรื่องของตัวเลขการเติบโตและความเชื่อมั่น