Page 544 - kpiebook63010
P. 544
543
4.4.2 ตัวแบบการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562: ยุทธศาสตร์และอารมณ์
(strategic-emotional vote)
ตามที่ได้อภิปรายเอาไว้ในส่วนทฤษฎีของตัวแบบพฤติกรรมการลงคะแนนเสียง ที่อภิปรายไว้
ว่ามี 4 ตัวแบบส�าคัญ กล่าวคือ มีเรื่องของการลงคะแนนเสียงตามอุดมการณ์ ตามนโยบาย ตามอารมณ์
และ ตามยุทธศาสตร์ จะพบว่าพฤติกรรมการลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562
ในเขตกรุงเทพมหานครมีองค์ประกอบทั้ง 4 ด้านอย่างครบถ้วน เพราะในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง ย่อมมี
ผู้ที่เลือกลงคะแนนเสียงจากเงื่อนไขสี่ประการทั้งสิ้น
แต่เมื่อเราน�าเอาตัวแปรเรื่องความขัดแย้งใน 3 มิติในฐานะรอยแยกทางสังคมที่สลับซับซ้อนและร้าวลึก
ผนวกกับกรอบกติกาใหม่และบรรยากาศก่อนการเลือกตั้งที่อยู่ในสังคมที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยมาเป็นเวลานาน
แต่ในขณะเดียวกันก็ได้เห็นความพยายามของนักการเมืองและพรรคการเมืองในการต่อสู้กับโครงสร้างโอกาส
ทางการเมืองที่เปิดในบางส่วนและยังปิดในบางส่วน และในขั้นสุดท้ายก็คือพลวัตรของบริบทของเหตุการณ์
ทางการเมืองหลาย ๆ เหตุการณ์ที่ได้อภิปรายไปแล้วที่หลายฝ่ายเชื่อว่ามีผลท�าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจ
เลือกตั้งในช่วงสุดท้ายก่อนเปิดหีบเลือกตั้งไม่นาน จะพบว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้มีการเน้นไปที่การเลือกนโยบาย
ระหว่างพรรค โดยเฉพาะในระดับเมืองที่นโยบายคล้าย ๆ กัน และไม่ใช่การเลือกตั้งที่เน้นไปที่อุดมการณ์ในแบบ
ที่ชัดแจ้งเพราะแต่ละพรรคมีอุดมการณ์ทั้งที่ต่างกันและคล้ายกัน แต่บรรยากาศของการเลือกตั้งที่เต็มไปด้วย
ความขัดแย้งที่มีหลายมิติ ท�าให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากที่จะเลือกด้วยอุดมการณ์โดยตรง
เพราะพรรคที่ตนต้องการเลือกอาจจะไม่ส่งผู้สมัคร หรือ อาจจะส่งแต่ผู้เลือกไม่คิดว่าพรรคที่ตนเคยสนับสนุน
จะประสบชัยชนะ
การเลือกตั้งในครั้งนี้จึงเป็นเรื่องของการผสมกันของตัวแบบการเลือกตั้งด้วยอารมณ์และตัวแบบ
การเลือกตั้งด้วยยุทธศาสตร์ กล่าวคือในการตัดสินใจเลือกในรอบนี้จะพบเห็นการเคลื่อนย้ายคะแนนส่วนมากออกจาก
พรรคประชาธิปัตย์และมีแนวโน้มที่คะแนนจะไหลไปอยู่ที่พรรคพลังประชารัฐ ขณะเดียวกันคะแนนที่พรรคเพื่อไทย
เคยมีนั้น มีส่วนที่ลดลงในทุก ๆ เขตแต่คะแนนพรรคอนาคตใหม่มากขึ้น การจับขั้วในการต่อต้านทักษิณของ
พรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์ ก็มีความขัดแย้งกันเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่รับการสืบทอดอ�านาจ
ขณะที่การจับขั้วในการต่อต้าน คสช.และการท�ารัฐประหาร ของพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ก็ยังมี
แนวทางที่ต่างกันในการแก้ไขและท้าทายอ�านาจทางการเมืองของทหาร และการสืบสานระบอบการเมืองแบบเก่า
ท�าให้การแยกอุดมการณ์อย่างชัดเจนนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก และในส่วนของนโยบายทางเศรษฐกิจสังคมก็ไม่ได้
แตกต่างกันมากนักและไม่มีข้อถกเถียงทางสังคมมากนักในรอบนี้ นอกจากนี้ จากการสัมภาษณ์พบว่า ในความเป็นจริง
ในบางพื้นที่ยังมีลักษณะของการ “แบ่งคะแนน” กันในครัวเรือน โดยเลือกพรรคที่ใกล้เคียงกันสองพรรค
ในประการสุดท้าย ผลโพลที่ออกมาแต่ละส�านักนั้นมักจะท�านายผิดซึ่งในตามหลักการนั้น
มีสองทางเลือกใหญ่ในการอธิบาย หนึ่งก็คือ เพราะมีการทุจริตเลือกตั้งอย่างมโหฬาร หรือ อาจเป็นการเลือกตั้ง
ทางอารมณ์