Page 25 - kpiebook63010
P. 25
24 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้ง
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 กรุงเทพมหานคร
5.3 ระบบอุปถัมภ์ยังมีผลต่อความสำาเร็จของการรณรงค์และชัยชนะในการเลือกตั้ง แม้ว่า
ระบบอุปถัมน์จะไม่ใช่สิ่งที่กำาหนดชัยชนะในการเลือกตั้งของพื้นที่ทั้งหมดของกรุงเทพมหานคร
แต่เนื่องจากหลายเขตคะแนนสูสี คะแนนที่ชนะอาจจะมาจากการรณรงค์การเลือกตั้งที่กระทำา
ผ่านเครือข่ายระบบอุปถัมภ์ในชุมชน และในรอบนี้ระบบอุปถัมภ์อาจแบ่งเป็นระบบอุปถัมภ์
ในระดับชุมชน ในระดับเขต และในระดับประเทศ
5.4 การเข้าใจการใช้สื่อทั้งในรูปแบบเดิมและในแบบใหม่ ๆ เช่นสื่อโซเชียล มีผลต่อการออกแบบ
ยุทธวิธีและยุทธศาสตร์ในการเข้าถึงฐานคะแนนเสียง โดยเฉพาะเมื่อผู้ลงคะแนนนั้นอยู่ใน
รูปแบบชุมชนที่แตกต่างกันออกไป
6. ความซับซ้อนและของพลวัตรในเรื่องการทุจริตการเลือกตั้งในกรุงเทพมหานครแบ่งออกเป็น
6.1 เกิดจากทั้งตัวผู้สมัครเอง อาทิการซื้อเสียง ข่มขู่ เล่นพนัน โดยเชื่อมโยงกับระบบอุปถัมภ์
ในชุมชน
6.2 เกิดจากความเคลือบแคลงสงสัยต่อหน่วยงานของรัฐในการจัดการการเลือกตั้งในครั้งนี้ ตั้งแต่
การจัดเขตเลือกตั้งที่เปลี่ยนไปจากคราวที่แล้ว การนับคะแนนในระดับหน่วย การนับคะแนน
ในระดับเขต การรายงานผลที่เกิดความล่าช้า
6.3 เกิดจากความเคลือบแคลงสงสัยต่อระบอบการเมืองที่ดำารงอยู่ นับตั้งแต่การทำาให้การรณรงค์
หาเสียงของพรรคเก่าช้ากว่าพรรคใหม่ การใช้อำานาจเต็มของรัฐบาล การที่สมาชิกในรัฐบาล
เกี่ยวพันกับพรรคการเมืองบางพรรคอย่างเปิดเผย หรือการโอนเงินพิเศษเข้ามาในช่วง
เลือกตั้งผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ทั้งนี้ พลวัตรและความซับซ้อนของการทุจริตการเลือกตั้งนั้นไม่ใช่เงื่อนไขสุดท้ายที่ส่งผลต่อการเลือกตั้ง
ชัยชนะของพรรคการเมืองที่ไม่ใช่ฝ่ายที่มีอำานาจรัฐและหาเสียงโดยจุดยืนต่อต้านรัฐ ทั้งเพื่อไทยและอนาคตใหม่
ยังได้รับชัยชนะมากกว่าพรรคพลังประชารัฐ และผู้สมัครของเพื่อไทยและอนาคตใหม่ก็ยังสามารถแก้ไขปัญหา
แนวโน้มของการทุจริตในพื้นที่ได้
7. ผลของการเลือกตั้งในครั้งนี้ในพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้ง
ที่ซับซ้อนขึ้นในการเมืองของไทยที่มีอยู่สามระดับ ได้แก่ ความขัดแย้งแบบสีเสื้อที่ดำาเนินมาก่อนการทำารัฐประหาร
22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ความขัดแย้งอันเนื่องมาจากการสนับสนุนและต่อต้านการทำารัฐประหารและระบอบ
การปกครองภายใต้คณะรัฐประหาร และ ความขัดแย้งใหม่จากการเลือกตั้งในรอบนี้ระหว่างการเมืองเก่า
และการเมืองใหม่ โดยมีพรรคอนาคตใหม่เป็นแกนกลางของความขัดแย้ง