Page 26 - kpiebook63007
P. 26
26 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์
4) การที่แต่ละพรรคต้องดำาเนินนโยบายตามยุทธศาสตร์ชาติ มีผลทำาให้นโยบายของแต่ละพรรค
ในเขตพื้นที่มีความแตกต่างกันหรือไม่ ในส่วนของนโยบายพรรคที่แตกต่างกัน มีอิทธิพลต่อ
การลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ของผู้ลงคะแนนเสียงหรือไม่ หากเปรียบเทียบกับปัจจัยด้าน
ตัวบุคคลของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง นโยบายพรรคหรือตัวบุคคลมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ
ของผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งมากกว่ากัน
5). สภาพการณ์ที่เปลี่ยนไปของเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำาให้ผู้ลง
คะแนนเสียงเลือกตั้ง มีความนิยม หรือมีความผูกพันกับพรรคการเมืองต่างไปจากการเลือกตั้ง
ครั้งที่แล้วหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อคำาถามว่า 8 ปีที่ไร้การเลือกตั้งนั้น ความเป็นพรรคการเมือง หรือ
ความนิยมในพรรคการเมือง ยังสามารถฝังรากลึกในสังคมไทยได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
1.4 วิธีกำรศึกษำวิจัย
ในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยใช้ระเบียบวิธีเชิงคุณภาพ (Qualitative methods) บนพื้นฐานคติแบบ
ปรากฏการณ์นิยม (Phenomenology) ที่เชื่อว่าความจริงมีหลากหลายและมีลักษณะจำาเพาะ (ชาย โพธิสิตา,
2547) เนื่องจากการศึกษาพฤติกรรมการเลือกตั้งเป็นการศึกษาปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาที่เกิดขึ้น
ช่วงก่อนการเลือกตั้ง ระหว่างการเลือกตั้ง และหลังการเลือกตั้งไม่มีข้อมูลบริบทพื้นฐานที่เพียงพอต่อการนำามา
วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณซึ่งจำาเป็นต้องใช้การศึกษาแบบนิรนัย (Deductive) การศึกษาครั้งนี้จึงเป็นการศึกษา
ตามแนวทางแบบอุปนัย (Inductive) เพื่อสร้างข้อมูลพื้นฐานสำาคัญและ ค้นหาองค์ความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรม
การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ในปี 2562 ซึ่งจะสามารถอธิบายปรากฏการณ์ได้อย่างครอบคลุม
ตามแนวทางการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพ
ทั้งนี้นักวิจัยต้องเข้าไปมีส่วนร่วมโดยตรงในปรากฏการณ์ เพื่อให้ได้ข้อมูลการศึกษาตามแนวทาง
การศึกษาพฤติกรรมการเลือกตั้ง ภายใต้บริบทโครงสร้างทางการเมืองที่มีความเป็นพลวัตร (dynamic) ที่มี
ลักษณะเป็น การศึกษาเฉพาะกรณี เพื่อให้ทำาความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและสามารถมองภาพได้หลายแง่มุม
(สุภางค์ จันทวานิช, 2530)เพื่อตอบวัตถุประสงค์ของการศึกษาทั้งหมด วิเคราะห์ข้อมูลโดยการสร้างข้อสรุป
แบบอุปนัย (Induction) โดยการสร้างข้อสรุปทั่วไปที่มีความเชื่อมโยง จากการสังเกตเชิงประจักษ์ (Empirical
Observation) (สุภางค์ จันทวานิช, 2530) และใช้การตีความ (Interpretative) เข้ามาวิเคราะห์ผลการศึกษาด้วย
1.4.1 หน่วยกำรศึกษำ
หน่วยในการศึกษาครั้งนี้มี 2 ระดับกล่าวคือ (1) องค์กรคือหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาคเอกชน
และพรรคการเมืองในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ (2) ระดับปัจเจกบุคคล ได้แก่ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ประชาชนที่มี
สิทธิ์เลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์