Page 233 - kpiebook62008
P. 233
๒๐๒
(๒) การใช้ระบบงบประมาณสองขา
แม้ในอดีตประเทศไทยได้เคยนำระบบงบประมาณสองขามาใช้ในการยกร่างรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ดีในชั้น
ของทางอนุกรรมาธิการในการเสนองบประมาณสองขานี้ยังคงมีข้อดีและข้อเสีย
หากพูดถึง Power to Tax กับ Power to spend ย่อมเป็นอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติหรือรัฐสภาทั้งคู่ แต่
ในระบบของประเทศไทยเราใช้ระบบงบประมาณขาเดียวซึ่งในพระราชบัญญัติงบประมาณจะแสดงแต่เฉพาะ
รายจ่าย แต่ตัวรายได้หรือการกู้เป็นเพียงเอกสารประกอบ ในการโหวตจึงจะโหวตเฉพาะรายจ่ายเท่านั้น ในขณะที่
รายได้หรือภาษีเราไม่ได้ทำการโหวต โดยประมาลรัษฎากรจะเป็นกฎหมายที่ให้อำนาจเก็บภาษีโดยให้ครั้งเดียวและ
อยู่ตลอด
สำหรับในระบบงบประมาณสองขาจะเป็นกรณีที่พระราชบัญญัติงบประมาณจะแสดงทั้งรายรับและ
รายจ่าย ในการโหวตก็จะมีการโหวตทั้งรายรับและรายจ่าย ในทำการโหวตแบบ annual vote หมายความว่าหาก
เรานำระบบงบประมาณสองขามาใช้ ประมาวลรัษฎากรจะเป็นเพียงแค่โครงสร้างภาษีเท่านั้น แต่กฎหมายที่ให้
อำนาจในการเก็บภาษีจริง ๆ จะคือตัวงบประมาณ
ข้อดีของระบบงบประมาณสองขาคือ สภาจะสามารถควบคุมนโยบายทางภาษีได้ ในกรณีที่เห็นว่าการ
กำหนดรายรับและรายจ่ายไม่เหมาะสม เช่น กรณีที่เห็นว่า Shopping Tax ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง
หรือกรณีของ BOI ไม่สามารถทำให้ประสบความสำเร็จได้แม้ได้เริ่มต้นมานานแล้ว ก็จะสามารถควบคุมพวก
นโยบายทางภาษีดังกล่าวได้
ข้อเสียของระบบงบประมาณสองขาคือ เป็นระบบที่สร้างความซับซ้อนในอีกรูปแบบหนึ่งของระบบภาษี
เช่น ในการแก้ไขระบบงบประมาณ ๒๕๖๓ (สมมติว่าปีหน้าเรากำลังจะใช้ระบบงบประมาณสองขา) สภาแก้
บทบัญญัติทางฝั่งรายรับ โดยเเฉพาะหากแก้ในเรื่องของ Tax จะมีผลเป็นการแก้ไขประมวลรัษฎากรโดยอัตโนมัติ
หมายความว่าหากเราจะต้องเปิดอ่านประมวลรัษฎากร เราจะต้องเปิดอ่านในเวอร์ชั่นที่อัพเดท ต้องดูว่า
งบประมาณปีนี้แก้ไขอะไรบ้าง เนื่องจากทั้งงบประมาณและประมวลรัษฎากรมีลำดับศักดิ์ทางกฎหมายเท่ากัน คือ
เป็นพระราชบัญญัติ จึงย่อมจะแก้ไขกันได้ จึงทำให้ประมาวลรัษฎากรจะเป็นเพียงแค่โครงสร้างภาษีเท่านั้น แต่
กฎหมายที่ให้อำนาจในการเก็บภาษีจริง ๆ จะคือตัวงบประมาณประจำปี