Page 76 - kpiebook62006
P. 76
71
เมื่อพิจารณารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 พบว่าไม่ได้มีการ
บัญญัติ ค าว่า “หน้าที่ของพลเมือง” ไว้ แต่มีการบัญญัติ “หน้าที่ของปวงชนชาวไทย” ไว้ในมาตรา 50 โดย
ก าหนดหน้าที่ไว้ 10 ประการด้วยกัน ได้แก่
(1) พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
(2) ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของชาติ และสาธารณสมบัติของ
แผ่นดินรวมทั้งให้ความร่วมมือในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
(3) ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
(4) เข้ารับการศึกษาอบรมในการศึกษาภาคบังคับ
(5) รับราชการทหารตามที่กฎหมายบัญญัติ
(6) เคารพและไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น และไม่กระท าการใดที่อาจ
ก่อให้เกิดความแตกแยกหรือเกลียดชังในสังคม
(7) ไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือลงประชามติอย่างอิสระโดยค านึงถึงประโยชน์ส่วนรวมของ
ประเทศเป็นส าคัญ
(8) ร่วมมือและสนับสนุนการอนุรักษ์และคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ ความ
หลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งมรดกทางวัฒนธรรม
(9) เสียภาษีอากรตามที่กฎหมายบัญญัติ
(10) ไม่ร่วมมือหรือสนับสนุนการทุจริตและประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ
นอกจากหน้าที่ของบุคคลตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 แล้ว
มีข้อสังเกตว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันยังได้บัญญัติเกี่ยวกับหน้าที่ของรัฐไว้ในหมวด 5 ของรัฐธรรมนูญ
ซึ่งเพิ่มเติมจากรัฐธรรมนูญฉบับก่อน ๆ ที่มีเพียงแนวนโยบายแห่งรัฐ โดยมาตรา 51 ได้บัญญัติไว้ว่า “การใด
ที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้เป็นหน้าที่ของรัฐตามหมวดนี้ ถ้าการนั้นเป็นการท าเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน
โดยตรง ย่อมเป็นสิทธิของประชาชนและชุมชนที่จะติดตามและเร่งรัดให้รัฐด าเนินการ รวมตลอดทั้งฟ้องร้อง
หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดให้ประชาชนหรือชุมชนได้รับประโยชน์นั้นตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่
กฎหมายบัญญัติ” ดังนั้น จึงนับว่ารัฐธรรมนูญได้ก าหนดหน้าที่ให้รัฐต้องด าเนินการอย่างเคร่งครัด โดยถือว่า
เป็นการด าเนินการเพื่อประโยชน์สาธารณะนั่นเอง โดยให้ประชาชนและชุมชนมีสิทธิจะติดตามและเร่งรัดให้
รัฐด าเนินการ รวมตลอดทั้งฟ้องร้องหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดให้ประชาชนหรือชุมชนได้รับ
ประโยชน์นั้นได้