Page 135 - kpiebook62006
P. 135
130
ประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือการ
ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนเท่านั้น พรรคการเมืองอาจน าเงินไปใช้ในด้านอื่นได้ การส่งเสริมโดยพรรค
การเมืองเพื่อให้ประชาชนมีความรู้หรือมีส่วนร่วมจึงอาจไม่มีการด าเนินการได้
ดังนั้น เพื่อให้การเมืองภาคพลเมือง สัมฤทธิ์ผลโดยพลเมืองมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง จึงสมควรมี
กฎหมายรองรับการจัดตั้งองค์กรทางการเมืองภาคพลเมืองดังกล่าว โดยรัฐต้องเข้ามาสนับสนุนเงินงบประมาณ
ให้แก่องค์กร เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชนที่อยากเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ความรู้แก่ประชาชนโดยไม่
เลือกว่าเป็นการด าเนินการของพรรคใดตามที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.
2560 ก าหนดให้พรรคการเมืองน าเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองไปด าเนินการ
ทั้งนี้ ผู้วิจัยสามารถสรุปความสัมพันธ์ระหว่างหน้าที่ของพลเมืองตามมาตรา 50 รัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 หน้าที่รัฐตามหมวด 5 และสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามที่รัฐธรรมนูญ
ได้บัญญัติรับรองไว้ได้ดังนี้
(4) เงินที่ได้รับจากการเรียกคืนตามมาตรา 78 (5) ที่ได้รับในปีงบประมาณก่อนหน้านั้นไม่เกินร้อยละเจ็ดสิบ
(5) เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้มอบให้ตามมาตรา 78 (8) ถ้าผู้มอบให้ระบุวัตถุประสงค์ว่าให้แก่พรรคการเมืองหรือเพื่อการอื่น ให้น ามา
จัดสรรตามที่ผู้มอบให้ระบุวัตถุประสงค์ไว้ ถ้าผู้มอบให้มิได้ระบุวัตถุประสงค์ไว้ ให้น ามาจัดสรรไม่เกินร้อยละเจ็ดสิบ
(6) ดอกผลของกองทุนตามมาตรา 78 (9) ไม่เกินร้อยละแปดสิบ
มาตรา 83 การจัดสรรเงินตามมาตรา 81 ให้แก่พรรคการเมือง ให้ด าเนินการตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
(1) เงินจัดสรรตามมาตรา 81 (1) ให้จัดสรรให้พรรคการเมืองตามที่ผู้เสียภาษีได้ระบุไว้
(2) ร้อยละสี่สิบของวงเงินจัดสรรนอกจาก (1) ให้จัดสรรให้ตามจ านวนเงินค่าบ ารุงพรรคการเมืองที่พรรคการเมืองได้รับ โดยแต่ละพรรค
การเมืองให้ได้รับตามอัตราส่วนระหว่างจ านวนเงินค่าบ ารุงพรรคการเมืองที่ทุกพรรคการเมืองได้รับรวมกันในปีที่ผ่านมาต่อจ านวนเงินค่าบ ารุงที่
พรรคการเมืองนั้น ๆ ได้รับมาในปีที่ผ่านมา แต่เงินที่จัดสรรให้ต้องไม่เกินเงินค่าบ ารุงพรรคการเมืองที่พรรคการเมืองนั้นได้รับจากสมาชิกในปีที่
ผ่านมา
(3) ร้อยละสี่สิบของวงเงินจัดสรรนอกจาก (1) ให้จัดสรรให้ตามคะแนนเสียงที่พรรคการเมืองได้รับจากการเลือกตั้งทั่วไปส าหรับปี
ถัดจากปีที่มีการเลือกตั้งทั่วไป โดยแต่ละพรรคการเมืองให้ได้รับตามอัตราส่วนระหว่างคะแนนเสียงที่ทุกพรรคการเมืองได้รับรวมกันต่อคะแนน
เสียงที่พรรคการเมืองนั้นได้รับ ส าหรับปีอื่นให้จัดสรรให้พรรคการเมืองตามสัดส่วนที่พรรคการเมืองทุกพรรคได้รับการจัดสรรตามอัตราส่วนเงิน
บริจาคทั้งหมดตามมาตรา 69 ต่อเงินที่พรรคการเมืองนั้นได้รับ
(4) ร้อยละยี่สิบของวงเงินจัดสรรนอกจาก (1) ให้จัดสรรตามจ านวนสาขาพรรคการเมืองโดยแต่ละพรรคการเมืองให้ได้รับตามอัตราส่วน
ระหว่างจ านวนสาขาพรรคการเมืองของทุกพรรคการเมืองรวมกันในปีที่ผ่านมาต่อจ านวนสาขาพรรคการเมืองของพรรคการเมืองนั้น ๆ ในปีที่ผ่านมา
(5) ในกรณีที่ต้องมีการจัดการเลือกตั้งใหม่อันเป็นผลจากการกระท า ของสมาชิกของพรรคการเมืองใด เมื่อได้วงเงินที่จะต้องได้รับจาก
การจัดสรรให้พรรคการเมืองนั้นตาม (1) (2) (3) และ (4) แล้ว ให้หักจ านวนเงินที่คณะกรรมการยื่นฟ้องให้สมาชิกผู้นั้นชดใช้คืนออกจากเงินจัดสรร
ของพรรคการเมืองและส่งคืนเข้ากองทุนก่อน ถ้าภายหลังมีค าพิพากษาอันถึงที่สุดปรากฏว่าผู้นั้นไม่ต้องรับผิด หรือรับผิดน้อยกว่าที่คณะ กรรมการ
ยื่นฟ้อง ให้คณะกรรมการกองทุนจ่ายเงินคืนให้แก่พรรคการเมืองนั้นตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการก าหนด ถ้าเงินที่จัดสรรให้มีไม่พอให้
ด าเนินการหักจากเงินจัดสรรในปีต่อ ๆ ไปจนครบ ทั้งนี้ ไม่ตัดสิทธิพรรคการเมืองที่จะไล่เบี้ยเอาจากสมาชิกที่ต้องรับผิดตามค าพิพากษา
ในกรณีที่พรรคการเมืองใดมิได้ด าเนินการตามมาตรา ๒๓ และเมื่อคณะกรรมการได้แจ้งเตือนแล้วยังมิได้ปฏิบัติตาม คณะกรรมการอาจ
ลดจ านวนเงินที่จะจัดสรรให้พรรคการเมืองนั้น ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการก าหนดก็ได้
เงินที่เหลือจากการจัดสรรให้ส่งคืนเข้ากองทุน