Page 13 - kpiebook62006
P. 13
8
นอกจากนั้นแล้ว ยังพบว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ยังมีการ
บัญญัติสิทธิเสรีภาพประเภทต่าง ๆ ที่ช่วยอ านวยความสะดวกต่อความเป็นพลเมือง เช่น เสรีภาพในการชุมนุม
โดยสงบและปราศจากอาวุธ เสรีภาพในการรวมตัวจัดตั้งพรรคการเมืองตามวิถีทางการปกครองระบอบ
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สิทธิได้รับทราบและเข้าถึงข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะใน
ครอบครองของหน่วยงานของรัฐ เป็นต้น
1.2 รูปแบบของการก าหนดหน้าที่พลเมืองขั้นพื้นฐานที่เชื่อมโยงกับสิทธิเสรีภาพในประเทศไทย
เปรียบเทียบกับต่างประเทศ จากการศึกษารูปแบบของการก าหนดหน้าที่พลเมืองขั้นพื้นฐานที่เชื่อมโยงกับสิทธิ
เสรีภาพในประเทศไทยเปรียบเทียบกับต่างประเทศ มีข้อสังเกตบางประการที่น่าสนใจ ดังนี้
(1) ภูมิหลัง และความเป็นมาของประเทศมีส่วนส าคัญในการผลักดันที่ท าให้การด าเนินการ
ตามรูปแบบของก าหนดหน้าที่พลเมืองขั้นพื้นฐานที่เชื่อมโยงกับสิทธิเสรีภาพประสบส าเร็จ ดังจะเห็นได้จาก
ประเทศเยอรมนี และประเทศญี่ปุ่นที่ต้องเผชิญกับบทเรียนอันเจ็บปวดในสถานการณ์สงครามโลกครั้งที่สอง
หรือประเทศสหรัฐอเมริกา ก็เกิดความตื่นตัวหลังการประกาศอิสรภาพจากประเทศอังกฤษ ส่งผลให้ประเทศ
และองค์กรต่าง ๆ ของประเทศเหล่านี้ให้ความส าคัญกับการสร้างพลเมืองให้รู้จักการเมืองการปกครองระบอบ
ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน และประชาชนก็ตระหนักถึงความส าคัญของความเป็นพลเมืองของประเทศ
ในขณะที่ประเทศไทย ภูมิหลังของการเกิดแนวคิดของการสร้างความเป็นพลเมืองนั้น มาจากการก าหนดของรัฐ
ให้จัดการเรียนการสอนในหลักสูตร “วิชาหน้าที่พลเมือง” อันเป็นการปลูกฝังให้ประชาชน “ต้องท า” ไม่ได้เกิด
จากความตระหนัก หรือจิตส านึก จึงท าให้การสร้างความเป็นพลเมืองไทยที่ผ่านมานั้นไม่ประสบผลส าเร็จ
เท่าที่ควร
(2) จุดเด่นที่น่าสนใจของประเทศเยอรมันที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ให้ความส าคัญกับการศึกษา
เพื่อสร้างความเป็นพลเมืองคือ การก าหนดให้เป็นภารกิจหลักของสังคมโดยเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญเยอรมัน
(Basic Law) โดยถือเป็นหน้าที่หลักของรัฐ และภาคประชาชนสังคม โดยที่รัฐต้องให้งบประมาณ สนับสนุน
และเป็นบทบาทหลักที่ต้องด าเนินการ มีการออกกฎหมายว่าด้วยการศึกษาด้านการเมืองในระดับประเทศและ
ระดับมลรัฐ และการจัดตั้งกลไกที่เรียกว่า “ศูนย์กลางศึกษาทางการเมือง” เพื่อท าหน้าที่เผยแพร่ความรู้ด้าน
การเมืองการปกครองให้แก่พลเมืองของประเทศ โดยมีความเชื่อมโยงและเป็นตัวกลางระหว่างพรรคการเมือง
กับประชาชนทั่วไป ซึ่งคล้ายคลึงกับประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีการจัดตั้ง “ศูนย์การศึกษาเพื่อสร้างพลเมือง”
ในขณะที่ประเทศนอร์เวย์มีกลไกที่น่าสนใจในหลักสูตรการศึกษา กล่าวคือ การก าหนดให้ทุกโรงเรียนมี “สภา
นักเรียน ” โดยบรร จุไว้ในหลักสูตรการศึกษาร ะดับชาติ หรือกระ ทั่ง ประ เทศฟินแลน ด์
ก็ก าหนดให้ตัวแทนครอบครัวมีหน้าที่ร่วมออกแบบหลักสูตรกับสถานศึกษา รวมถึงให้อิสระแก่องค์กรและ