Page 127 - kpiebook62006
P. 127

122


                                       บทบัญญัติดังกล่าวเป็นการก าหนดเพื่อให้รัฐและหน่วยงานของรัฐมีหน้าที่พึงต้อง


                 ปฏิบัติต่อบุคคล โดยเคารพต่อความเสมอภาค และไม่น าเหตุของความแตกต่างมาเป็นเหตุในการเลือกปฏิบัติ

                 ต่อบุคคล ดังนั้น จึงเป็นได้ว่าบทบัญญัติในมาตรานี้ก าหนดไว้ในฐานะที่เป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องปฏิบัติ มิได้เป็น

                 การก าหนดหน้าที่ของความเป็นพลเมืองแต่อย่างใด ประกอบกับมาตรา 50 ที่ก าหนดหน้าที่ของปวงชนชาวไทย

                 ก็มิได้มีการก าหนดให้ปวงชนชาวไทยมีหน้าที่ต้องเคารพความแตกต่างแต่อย่างใด

                                       อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในมาตรา 34 วรรคสอง ที่บัญญัติว่า “เสรีภาพทาง

                 วิชาการย่อมได้รับความคุ้มครอง แต่การใช้เสรีภาพนั้นต้องไม่ขัดต่อหน้าที่ของปวงชนชาวไทยหรือศีลธรรมอันดี

                 ของประชาชน และต้องเคารพและไม่ปิดกั้นความเห็นต่างของบุคคลอื่น” และมาตรา 258 ก.ด้านการเมือง (1)

                 ที่บัญญัติให้รัฐต้องด าเนินการปฏิรูปประเทศโดย “ให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการ

                 ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีส่วนร่วมในการด าเนินกิจกรรมทาง

                 การเมืองรวมตลอดทั้งการตรวจสอบการใช้อ านาจรัฐ รู้จักยอมรับในความเห็นทางการเมืองโดยสุจริตที่แตกต่าง

                 กัน และให้ประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้งและออกเสียงประชามติโดยอิสระปราศจากการครอบง าไม่ว่าด้วยทางใด” จะ

                 เห็นได้ว่าบทบัญญัติสองมาตรานี้ได้ก าหนดหน้าที่ของประชาชนในการยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคล

                 อื่น โดยไม่ปิดกั้นความเห็นต่าง จึงสรุปได้ว่า กรอบความเป็นพลเมืองที่ก าหนดให้พลเมืองมีหน้าที่ต้องเคารพ

                 ความแตกต่างนั้น มีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบันแล้ว ในประเด็นที่


                 เกี่ยวข้องกับการเคารพต่อการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคล

                               (4) เคารพสิทธิผู้อื่น

                                        ในระบอบประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพของตน แต่หากทุกคนใช้สิทธิโดย

                 ค านึงถึงแต่ประโยชน์ของตนเอง โดยไม่ค านึงถึงสิทธิผู้อื่น ย่อมท าให้เกิดการละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นได้ซึ่ง


                 กรอบความเป็นพลเมืองในประเด็นนี้สอดคล้องกับการที่รัฐธรรมนูญแห่งราขอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
                 ที่ก าหนดหน้าที่ของปวงชนชาวไทยไว้ในมาตรา 50(6) ว่า “ต้องเคารพและไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของ


                 บุคคลอื่น และไม่กระท าการใดที่อาจก่อให้เกิดความแตกแยกหรือเกลียดชังในสังคม” ประกอบกับ มาตรา 25

                 ที่บัญญัติว่า “สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย นอกจากที่บัญญัติคุ้มครองไว้เป็นการเฉพาะในรัฐธรรมนูญ

                 แล้ว การใดที่มิได้ห้ามหรือจ ากัดไว้ในรัฐธรรมนูญหรือในกฎหมายอื่น บุคคลย่อมมีสิทธิและเสรีภาพที่จะท าการ

                 นั้นได้และได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ตราบเท่าที่การใช้สิทธิหรือเสรีภาพเช่นว่านั้นไม่กระทบ

                 กระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และไม่

                 ละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น” จึงสรุปได้ว่า กรอบความเป็นพลเมืองที่ก าหนดให้พลเมืองมีหน้าที่ต้อง

                 เคารพสิทธิของผู้อื่นนั้น มีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบันแล้ว
   122   123   124   125   126   127   128   129   130   131   132