Page 126 - kpiebook62006
P. 126
121
หากพิจารณาหน้าที่ในการเข้ารับการศึกษาอบรมในการศึกษาภาคบังคับ (ตามมาตรา 50(4)) แล้วก็ถือเป็น
ความรับผิดชอบของบุคคลคนไทยทุกคนที่ต้องมีความรับผิดชอบในการเข้าสู่การศึกษา เพื่อที่จะสามารถ
ประกอบอาชีพและพึ่งพาตนเองได้ในอนาคต จึงสรุปได้ว่า กรอบความเป็นพลเมืองที่ก าหนดให้พลเมืองมีหน้าที่
ต้องรับผิดชอบตนเองและพึ่งตนเองได้ นั้น มีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบัน
แล้ว ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารับการศึกษาอบรมในการศึกษาภาคบังคับ
(2) เคารพหลักความเสมอภาค
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ก าหนดหลักความ
เสมอภาคไว้ในมาตรา 27 วรรคแรก และวรรคสอง ในหมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย ที่บัญญัติ
หลักการว่า บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียม
กัน ซึ่งเป็นหลักความเสมอภาคทั่วไป และการก าหนดหลักความเสมอภาคเฉพาะเรื่อง ในกรณีความเสมอภาค
ทางเพศระหว่างผู้ชายและผู้หญิงที่มีสิทธิเท่าเทียมกัน ประกอบกับมาตรา มาตรา 4 ที่ได้บัญญัติรับรองและ
คุ้มครองความเสมอภาคของบุคคลซึ่งรวมถึงความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า รัฐและ
หน่วยงานของรัฐมีหน้าที่พึงต้องเคารพต่อหลักความเสมอภาคของปวงชนชาวไทยด้วย อย่างไรก็ตาม หาก
พิจารณานัยของบทบัญญัติข้างต้น รวมถึงมาตรา 50 ที่ก าหนดหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ก็มิได้มีการก าหนดให้
ปวงชนชาวไทยมีหน้าที่ต้องเคารพต่อหลักความเสมอภาคแต่อย่างใด จึงสรุปได้ว่ากรอบความเป็นพลเมืองที่
ก าหนดให้พลเมืองมีหน้าที่ต้องเคารพต่อหลักความเสมอภาคนั้น มิได้มีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบันแต่อย่างใด มีเพียงการก าหนดให้เป็นหน้าที่ของรัฐเท่านั้น
(3) เคารพความแตกต่าง
รัฐธรรมนูญแห่งราขอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 27 วรรคสาม และ
วรรคสี่ ได้บัญญัติหลักการเกี่ยวข้องกับการเคารพความแตกต่าง กล่าวคือ “การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อ
บุคคล ไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องถิ่นก าเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือ
สุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความ
คิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือเหตุอื่นใด จะกระท ามิได้” อย่างไรก็ตาม หาก
เป็นการใช้ “มาตรการที่รัฐก าหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถใช้สิทธิหรือเสรีภาพได้
เช่นเดียวกับบุคคลอื่น หรือเพื่อคุ้มครองหรืออ านวยความสะดวกให้แก่เด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ หรือ
ผู้ด้อยโอกาส ย่อมไม่ถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม”