Page 122 - kpiebook62006
P. 122

117


                 การแตกต่างทั้งความคิด ภาษา วัฒนธรรม โดยไม่แสดงความรู้สึกอคติต่อผู้อื่นจนสามารถปฏิบัติได้เป็นวิถีชีวิต


                 ซึ่งจะน าไปสู่การสร้างเสถียรภาพทางสังคมอันเป็นเป้าหมายสูงสุด และท าให้เกิดเสถียรภาพทางการเมืองของ

                 รัฐ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็โดยการสร้างความเป็นประชาธิปไตยด้วยวิธีการประชาธิปไตยเท่านั้น โดยกระบวนการ

                 หล่อหลอมทางสังคมเป็นกระบวนการทางการศึกษาที่เรียกว่าการศึกษาตามอัธยาศัย (Informal Education)

                 การศึกษาระบบนี้เกิดขึ้นเองจากตัวผู้เรียนในทุกที่ทุกเวลา โดยผ่านสัมผัสทั้ง 6 ดังนั้นการจัดหลักสูตรวิชา

                 หน้าที่พลเมืองไว้ในโรงเรียนเพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ จึงยังมองไม่เห็นคุณค่าที่จะสามารถท าให้เกิดความเป็น

                 พลเมืองดีในระบอบประชาธิปไตยขึ้นแก่ผู้เรียนได้ ขณะที่นักปรัชญาทางการศึกษากลุ่มธรรมชาตินิยมอย่าง

                 Jean Jacques Rousseau เห็นว่าการจัดการศึกษาให้แก่คนพร้อมกัน 2 วัตถุประสงค์ คือเพื่อให้เป็นคนตาม

                 ธรรมชาติ เป็นการศึกษาเกี่ยวกับการครองเรือน และการศึกษาเพื่อให้เป็นพลเมืองดี เป็นประโยชน์แก่

                 สาธารณะหมู่ชนส่วนรวม เป็นการจัดการศึกษาที่ขัดแย้งกันเอง หากคนได้รับการศึกษาทั้งสองทาง จะเกิดความ

                 ยุ่งเหยิงในใจ เนื่องจากขัดกันกับธรรมชาติ เขาจะถูกธรรมชาติดึงไปทางหนึ่ง และถูกเพื่อนมนุษย์ดึงไปอีกทาง

                 หนึ่ง ในขณะที่กระทรวงศึกษาธิการประกาศให้สถานศึกษาจัดการศึกษาเพื่อสร้างพลเมืองโดยเพิ่มวิชาหน้าที่

                 พลเมืองในหลักสูตรสถานศึกษาโดยจัดเป็นรายวิชาเพิ่มเติมในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา หรือบูรณาการ

                 กับการเรียนรู้ในรายวิชาพื้นฐานในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา หรือบูรณาการการเรียนรู้กับสาระการ

                 เรียนรู้ในรายวิชาพื้นฐานหรือรายวิชาเพิ่มเติมในกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น หรือบูรณาการกับกิจกรรมอื่น ๆ ใน

                 โรงเรียน จะเห็นว่าแนวทางการจัดการศึกษาเพื่อสร้างพลเมืองของกระทรวงศึกษาธิการขัดแย้งกับแนวคิด 2


                 แนวคิดดังกล่าวข้างต้น นอกจากนั้นแล้ว Jean Jacques Rousseau ยังเห็นอีกว่าเด็กและเยาวชนไม่ควร

                 เรียนรู้ความเป็นพลเมือง แต่ควรเรียนรู้ความเป็นตัวตนของเขาเองเพียงประการเดียวแล้วความเป็นพลเมืองดี

                 จะเกิดขึ้นเอง ซึ่งในความเป็นจริงเด็กและเยาวชนได้เรียนรู้จากการหล่อหลอมทางสังคมอยู่ทุกลมหายใจแล้ว

                 โรงเรียนจึงไม่จ าเป็นที่จะต้องจัดหลักสูตรนี้ให้อีก ในความเป็นจริงโรงเรียนมีกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในห้องเรียนและ

                 นอกห้องเรียนที่พึงจะหล่อหลอมเด็กและเยาวชนให้เป็นคนดีของครอบครัว เป็นคนดีของโรงเรียนและเพื่อน ๆ

                                                           49
                 รวมถึงเป็นคนดีของชุมชนสังคมหลากหลายกิจกรรม
                               จากงานเขียนข้างต้น ท าให้เห็นได้ว่า การด าเนินแนวนโยบายของภาครัฐในการก าหนดให้

                 โรงเรียน/สถาบันการศึกษา “ต้อง” สอดแทรกวิชาหน้าที่พลเมืองไว้ในหลักสูตรนั้น เสมือนเป็นการ “ยัดเยียด”

                 ให้ต้องมีตามแนวนโยบายของรัฐ ทั้ง ๆ ที่จริงความเป็นพลเมืองต้องเกิดจากการหล่อหลอมของสังคมร่วมกันทั้ง


                 ในและนอกห้องเรียนอย่างเป็นระบบ มิใช่เพียงก าหนดไว้ว่าต้องเป็นหน้าที่ของโรงเรียน/สถาบันการศึกษาเท่านั้น


                        49  ทองหล่อ วงษ์อินทร์ และชูชีพ เบียดนอก, หลักสูตรการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองไทย, วารสารวิชาการมหาวิทยาลัย
                 ปทุมธานี, 9(2), (กรกฎาคม-ธันวาคม  2560), 295-299.
   117   118   119   120   121   122   123   124   125   126   127