Page 113 - kpiebook62006
P. 113
108
(10) การแก้ไขปัญหาทุกเรื่องของประเทศไทย จะต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม
กัน ประชาชนต้องมีวิจารณญาณในการพิจารณาและวิเคราะห์ประเด็นเรื่องต่าง ๆ ด้วยตนเอง แต่ปัจจุบัน
ประชาชนยังขาดความรู้ความเข้าใจในการวิเคราะห์ ประชาชนจึงจ าเป็นต้องมีความรู้ ให้มากขึ้นเพื่อให้สามารถ
คิดวิเคราะห์ถูกผิดได้ด้วยตนเอง
(11) บทบาทของสภาองค์กรชุมชนเป็นกลไกหนึ่งที่ส่งเสริมการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตย
(12) หน่วยงานควรให้ภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมก าหนดตัวชี้วัดในการประเมินผลตั้งแต่
ต้นน ้า กลางน้ า และปลายน้ า เพื่อให้การด าเนินงานเกิดความยุติธรรมและมีความโปร่งใส รวมทั้ง น้อมน าหลัก
เศรษฐกิจพอเพียง พอประมาณ มีเหตุมีผล มีภูมิคุ้มกัน และความรู้คู่คุณธรรม
(13) กฎหมายต้องเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองท ากิจกรรมร่วมกับประชาชนได้โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งการให้ความรู้แก่ประชาชนในฐานะที่เป็นพลเมือง
(14) บรรยากาศที่เอื้อต่อการสร้างความเป็นพลเมือง จะต้องมีระบบกฎหมายที่ส่งเสริมให้
ประชาชนได้ร่วมกันคิดแก้ไข ร่วมกันคิด ร่วมกันสร้างร่วมกันน าเสนอนโยบายสาธารณะได้อย่างกว้างขวาง
(13) รัฐธรรมนูญแต่ละประเทศขึ้นอยู่กับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาตินั้น ๆ กรอบ
แนวคิดการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยของไทย จึงควรจัดการศึกษาให้เป็นวิถี
ชีวิตประจ าวันหรือการศึกษาไปตลอดชีวิต โดยเป็นการศึกษาตามวิถีไทย
(14) รัฐธรรมนูญของประเทศไทยก าหนดไว้ว่า ประเทศไทยมีการปกครองระบอบ
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ชี่งระบอบการปกครองดังกล่าวมีรากฐานมาจากวิถีชีวิต
ของไทย คนไทยในฐานะพลเมืองจึงต้องศึกษาประวัติศาลตร์ และความเป็นมาของชาติไทย เพื่อสร้างการรับรู้
และสร้างการยอมรับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้มีเสถียรภาพ
และมีความยั่งยืนตลอดไป
3.2.3 พัฒนาการของการจัดการศึกษาเกี่ยวกับการสร้างพลเมืองในประเทศไทย
หากพิจารณาย้อนกลับไปตั้งแต่พ.ศ.2503 พบว่า ประเทศไทยได้มีการจัดการเรียนการสอน
เกี่ยวกับหน้าที่พลเมือง โดยแต่เดิมประเทศของเราเคยมีการก าหนดให้มีหลักสูตร “วิชาหน้าที่พลเมือง”
ส าหรับการศึกษาขั้นพื้นฐานในโรงเรียน ในพ.ศ.2503 โดย “วิชาหน้าที่พลเมือง” ที่เคยจัดการเรียนการสอนนั้น
เป็นเพียงการปลูกฝังให้ประชาชน “ต้องท า” เพราะเป็นหน้าที่ ซึ่งต่างจากการศึกษาความเป็นพลเมืองใน