Page 16 - kpiebook62005
P. 16
ไม่สามารถทราบถึงความเหมาะสมของข้อมูลในการน าไปใช้ของประชาชน และอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูล
ของประชาชนหากไม่มีการร้องเรียน
ในปี พ.ศ. 2558 ส านักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้าได้ท าการทดสอบการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของรัฐใน
กรณีข้อมูลโควต้าการจ าหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลและท าการส ารวจคุณภาพข้อมูลบนเว็บไซต์ 20 กระทรวง
ผลการส ารวจพบว่าประชาชนยังเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของรัฐได้ยาก มีต้นทุนทั้งเวลาในการด าเนินเรื่องร้องขอ
และค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ส่วนข้อมูลที่พบได้บนเว็บไซต์มีเนื้อหาของแต่ละกระทรวงโดยทั่วไป และเน้นการ
เผยแพร่ข่าวกิจกรรมการท างานในองค์กร แต่ไม่ได้เสนอเนื้อหาที่มีความส าคัญ เช่น ความคืบหน้าของโครงการ
ส าคัญที่อยู่ในการดูแลของหน่วยงาน ส าหรับข้อมูลด้านสถิติ สัญญาต่าง ๆ อาจจะมีเมนูลิงค์ แต่หลายครั้งไม่
พบข้อมูล ลิงค์เสีย หรือต้องการให้ใส่รหัสผ่าน เนื้อหาที่ส าคัญบางอย่างจึงจ าเป็นต้องค้นหาที่หน่วยงาน และมัก
ปรากฏในรูปรายงานที่มีการใช้ภาษาทางเทคนิคที่เข้าใจยาก
นอกจากข้อจ ากัดต่าง ๆ ดังกล่าวที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชน งานวิจัยยัง
พบว่าเจ้าหน้าที่ภาครัฐยังขาดแรงจูงใจในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้เห็น
ความส าคัญของกฎหมายดังกล่าว และมีมติคณะรัฐมนตรีเพื่อสนับสนุนการด าเนินงานอย่างต่อเนื่อง เช่น การ
ก าหนดให้การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพหรือความโปร่งใสของหน่วยงาน หรือ
การให้มีการน าข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างเผยแพร่ทางเว็บไซด์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ยังมีหน่วยงานรัฐจ านวนมาก
ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าการให้ข้อมูลข่าวสารของราชการแก่ประชาชนยังคงถูก
มองเป็น ‘ภาระ’ มากกว่า ‘หน้าที่’ ของหน่วยงานราชการ และในทางปฏิบัติ เมื่อมีการเรียกร้องให้เปิดเผย
ข้อมูล เจ้าหน้าที่ของรัฐจะปฏิเสธ และรอให้มีค าสั่งจากคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร (กวฉ.)
เพื่อที่จะไม่ต้องรับผิดชอบในภายหลัง เนื่องจากบทลงโทษในกรณีที่ไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารมีน้อยกว่า
บทลงโทษในกรณีที่เปิดเผยข้อมูลที่อาจถูกตีความว่าเป็นข้อมูลลับของราชการ
2.3 การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน
ระหว่างปี พ.ศ. 2544-2549 เครือข่ายธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยสถาบัน
สิ่งแวดล้อมไทย สถาบันพระปกเกล้า มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โครงการยุทธศาสตร์นโยบายฐานทรัพยากร
ในสังกัดส านักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยการ
สนับสนุนของ World Resources Institute ได้ร่วมวิจัยเพื่อประเมินธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมในการจัดท า
นโยบาย ยุทธศาสตร์ แผน โครงการและกิจกรรมที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีข้อค้นพบประการหนึ่งว่า
การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนยังอยู่ในขอบเขตที่จ ากัดมาก จึงมีการ
-11-