Page 68 - kpiebook62004
P. 68

บทบาทนานาชาติต่อกระบวนการสร้างสันติภาพในชายแดนใต้ของไทยและบางมุมมองต่อภาพอนาคต






                   ควำมร่วมมืออิสลำม (Organization of the Islamic Cooperation – OIC) ได้แสดงควำมห่วงใยต่อ
                   สถำนกำรณ์ที่เกิดขึ้นในกำรประชุมรัฐมนตรีต่ำงประเทศของ OIC ครั้งที่ 3 ที่เมืองเจดดำห์ ประเทศซำอุดิ

                   อำรเบีย ในปี ค.ศ. 1972 และมติที่ประชุมได้ให้ OIC ส่งผู้แทนเข้ำไปตรวจสอบถึง “ควำมปลอดภัยในชีวิต

                   และทรัพย์สินของชำวมุสลิม” หลังจำกนั้น OIC ก็มีบทบำทมำกขึ้นในกระบวนกำรสันติภำพซึ่งเริ่มต้นอย่ำง

                   เป็นทำงกำรในอีก 2 ปีถัดมำ คือ เริ่มต้นเมื่อมกรำคม 1975 และมีส่วนร่วมในกระบวนกำรจนสิ้นสุดลงใน

                   เดือนมกรำคม ค.ศ. 1996 รวมเวลำทั้งสิ้น 21 ปีกับ 9 เดือน (Rodil, 2000 Cited in รุ่งรวี เฉลิมศรีภิญโญ
                   รัช และ อัญชลี มณีโรจน์, 2556: 157)


                              นอกจำกกำรเข้ำมำของ OIC แล้ว ยังมีชำติอื่น ๆ ที่เข้ำมำมีส่วนร่วมในกระบวนกำรสันติภำพ

                   ฟิลิปปินส์อีกตลอดระยะเวลำ 3   ช่วงส ำคัญ ๆ ของกระบวนกำร คือ ช่วงข้อตกลงทริโปลี ในปี ค.ศ. 1976

                   (Lingga, 2007: 44 Cited in รุ่งรวี เฉลิมศรีภิญโญรัช และ อัญชลี มณีโรจน์, 2556: 157-158) ข้อตกลง

                   เจดดำห์ ในปี ค.ศ. 1987 และ ข้อตกลงจำกำร์ตำ ในปี ค.ศ. 1996   โดยในช่วงแรก OIC และ ลิเบียใน

                   ฐำนะตัวแทนของ OIC ได้ด ำเนินกำรทำงกำรทูตอย่ำงต่อเนื่องกระทั่งบรรลุข้อตกลงในช่วงแรก ในขณะที่
                   อินโดนีเซียเป็นอีกประเทศที่เข้ำมำมีส่วนช่วยขับเคลื่อนส ำคัญจนกระทั่งลงนำมได้ในช่วงที่ 3


                              หลังจำกนั้น กระบวนกำรสันติภำพก็มีอันต้องสะดุดลงในปี ค.ศ. 2000 ประธำนำธิบดี โจเซฟ

                   เอสตรำด้ำ เริ่มนโยบำย “สงครำมเต็มรูปแบบ” (all-out-war) ต่อมำในปี ค.ศ. 2001 นำงกลอเรีย มำคำ

                   ปำกัล-อำร์โรโย่ ขึ้นมำเป็นประธำนำธิบดีและได้พยำยำมที่เชิญ MILF กลับเข้ำสู่กระบวนกำรพูดคุยใหม่ ซึ่ง

                   ทำง MILF ได้ตั้งเงื่อนไขให้ มำเลเซีย เป็นคนกลำง (Linnga, 2007: 44) และต่อมำ ปี ค.ศ. 2004 บทบำท

                   นำนำชำติก็เพิ่มมำกขึ้นเมื่อทั้งสองฝ่ำยตกลงกันที่จะให้มีกำรจัดตั้ง “ทีมสังเกตกำรณ์นำนำชำติ”
                   (International Monitoring Team – IMT) ซึ่งน ำโดยมำเลเซีย ปี ค.ศ. 2008 มีกำรขยำยบทบำทของ

                   นำนำชำติเพิ่มเติมโดยทั้งสองฝ่ำยเห็นชอบร่วมกันที่จะให้มี “กลุ่มประสำนงำนนำนำชำติ” (International

                   Contact Group – ICG) เพื่อท ำหน้ำที่ให้ค ำปรึกษำในกระบวนกำรสันติภำพ ซึ่งกลุ่มนี้ประกอบด้วยผู้แทน

                   รัฐบำลหลำยประเทศ  ได้แก่ ซำอุดิอำรเบีย ตุรกี อังกฤษ ญี่ปุ่น และองค์กำรพัฒนำเอกสำร เช่น Asia

                   Foundation,  Centre  for  Humanitarian  Dialogue,  Muhammandiyah  แ ล ะ   Conciliation
                   Resources (International Crisis Group, 2011: 2)


                              จะเห็นได้ว่ำ บทบำทของนำนำชำติส ำคัญมำกในกระบวนกำรสันติภำพ จำกควำมส ำเร็จที่มี

                   มำกขึ้นในฟิลิปปินส์น่ำจะเป็นตัวอย่ำงที่ส ำคัญที่ควรจะหยิบยกมำพิจำรณำเพื่อประโยชน์ของกำรคลี่คลำย

                   แปลงเปลี่ยนควำมขัดแย้งที่ด ำเนินอยู่ในชำยแดนใต้ของไทย





                                                             55
   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73